สถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศสต็อกโฮล์ม (SIPRI) เผยแพร่ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการซื้อขายอาวุธยุทโธปกรณ์ในทั่วโลกในวันจันทร์ว่า แม้การนำเข้าและการส่งออกอาวุธลดลงในทั่วโลก แต่หลายชาติในยุโรปนำเข้าอาวุธเพิ่มขึ้นอย่างมากสืบเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและชาติยุโรปต่าง ๆ หลังรัสเซียบุกยูเครนในปี 2565 และเอเชียตะวันออกนำเข้าอาวุธเพิ่มขึ้น สืบเนื่องจากความตึงเครียด้านภูมิรัฐศาสตร์
รายงานระบุว่า ชาติยุโรปนำเข้าอาวุธเพิ่มขึ้น 47% ระหว่างปี 2013-2017 และ 2018-2022 ขณะที่ทั่วโลกมีการซื้อขายอาวุธลดลง 5.1% และสหรัฐฯ มีส่วนแบ่งตลาดการส่งออกอาวุธมากที่สุดในโลก และเพิ่มขึ้นจาก 33% เป็น 40% ของทั้งโลก ขณะที่รัสเซีย ผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก มีสัดส่วนการส่งออกอาวุธลดลงจาก 22% เหลือ 16% ส่วนฝรั่งเศสมียอดการส่งออกมากเป็นอันดับ 3 ของโลก ครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจาก 7.1% เป็น 11%
และเนื่องจากยูเครนได้รับความช่วยเหลือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯ และชาติยุโรปหลายประเทศหลังรัสเซียบุกยูเครน ทำให้ยูเครนกลายเป็นชาติที่นำเข้าอาวุธมากเป็นอันดับ 3 ของโลกในปี 2565 รองจากกาตาร์และอินเดีย
ส่วนอินเดียยังเป็นชาติที่นำเข้าอาวุธมากที่สุดในโลก แต่มูลค่าการนำเข้าลดลง 11% ในช่วงปี 2013-2017 และ 2018-2022 ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ลดลงส่วนหนึ่งเป็นการกระบวนการจัดซื้อซับซ้อนขึ้น ความพยายามเปลี่ยนแปลงซัพพลายเออร์ และการลดนำเข้าด้วยการพัฒนาอาวุธของตัวเอง
ขณะที่เอเชียตะวันออกนำเข้าอาวุธเพิ่ม 21% ระหว่างปี 2013-2017 และ 2018-2022 โดยเกาหลีใต้นำเข้าเพิ่มขึ้น 61% และญี่ปุ่นนำเข้าเพิ่มขึ้น 171%