พรรคความฝันจอร์เจีย ออกแถลงการณ์ในวันพฤหัสบดีว่า รัฐบาลจะถอนร่างกฎหมายว่าด้วยความโปร่งใสของอิทธิพลต่างชาติอย่างไม่มีเงื่อนไขออกจากการพิจารณาของรัฐสภา หลังที่ประชุมมีมติเห็นชอบในการแปรญัตติรอบแรกเมื่อวันอังคาร เพื่อลดการเผชิญหน้าในสังคม
การตัดสินใจมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากผู้ประท้วงหลายหมื่นคนชุมนุมที่ด้านนอกอาคารรัฐสภาในกรุงทบิลิซีเป็นคืนที่สองเมื่อคืนวันพุธ ผู้ประท้วงขว้างปาก้อนหินใส่กระจกหน้าต่างอาคารรัฐสภาและพยายามทำลายแผงกั้นรอบอาคาร ทำให้ตำรวจต้องใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงและแก๊สน้ำตาสลายฝูงชน เช่นเดียวกับการปะทะในคืนวันอังคาร ที่มีตำรวจบาดเจ็บราว 55 คน และมีผู้ถูกจับกุมทั้งสองคืนรวม 142 คน
แต่ฝ่ายต่อต้านร่างกฎหมาย บอกว่า ยังไม่มีแผนยุติการชุมนุม และต้องการให้ฝ่ายรัฐบาลชี้แจงว่า จะถอนร่างกฎหมายอย่างไร และเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ประท้วงที่ถูกจับกุม
ร่างกฎหมายที่จุดชนวนความขัดแย้งครั้งนี้ กำหนดให้องค์กร ซึ่งรวมถึงสำนักข่าว ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากต่างประเทศเกินกว่า 20% ต้องจดทะเบียนในฐานะ “ตัวแทนต่างชาติ” (foreign agent) และหากไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกลงโทษปรับ รัฐบาลระบุว่า ร่างกฎหมายมีต้นแบบมาจากกฎหมายของสหรัฐฯ ที่ประกาศใช้ในช่วงทศวรรษ 1930
ขณะเดียวกันร่างกฎหมายถูกมองว่ามีความคล้ายคลึงกับกฎหมายของรัสเซีย ที่บังคับใช้ในปี 2555 และพุ่งเป้าต่อองค์กรเอ็นจีโอและสื่อ ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากชาติตะวันตก จึงสร้างความไม่พอใจแก่ประชาชนในจอร์เจีย ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ทำให้ผู้ประท้วงหลายคนตะโกนว่า ไม่ต้องการกฎหมายรัสเซีย และผู้ชุมนุมคนหนึ่ง บอกด้วยว่า ไม่อาจปล่อยให้ประเทศเป็นรัฐรัสเซียหรือสนับสนุนรัสเซีย หรือ ไม่เป็นประชาธิปไตย
ผู้ประท้วงและนักวิจารณ์ มองว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะลิดรอนเสรีภาพสื่อ ควบคุมภาคประชาสังคม และทำลายประชาธิปไตย ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการที่จอร์เจียจะเข้าเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปหลังจากยื่นใบสมัครในเดือนมี.ค. ปีที่แล้ว อียูกำลังพิจารณาว่าจะให้สถานะผู้สมัครเป็นสมาชิกแก่จอร์เจียหรือไม่ และเตือนว่า ร่างกฎหมายไม่สอดล้องกับค่านิยมและมาตรฐานของอียู
ขณะที่สหรัฐฯ แสดงความกังวลต่อร่างกฎหมายใหม่ของจอร์เจีย โดยระบุว่า ร่างกฎหมายที่ได้แรงบันดาลใจจากรัสเซีย ไม่สอดคล้องกับความต้องการของชาวจอร์เจียที่อยากเข้าร่วมกับอียูและการพัฒนาประชาธิปไตย
แต่หลังจากพรรครัฐบาลจอร์เจียยอมถอนร่างกฎหมายแล้ว ผู้แทนของอียูในจอร์เจีย ขานรับการตัดสินใจด้วยความยินดี และเรียกร้องให้ผู้นำทางการเมืองทั้งหลายในจอร์เจียเดินหน้าการปฏิรูปตามเงื่อนไขของอียูเพื่อให้ได้สถานะผู้สมัครเป็นชาติสมาชิก
ด้านทำเนียบเครมลินของรัสเซีย แถลงแสดงความกัวลต่อสถานการณ์ประท้วงในจอร์เจีย แต่ยืนยันว่า รัสเซียไม่มีมีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับร่างกฎหมายที่เสนอโดยรัฐบาลจอร์เจีย