นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล. กรุงศรีพัฒนสิน เปิดเผยกับ Nation Onlineว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้คาด “Rebound” หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดปรับฐานเร็ว จากความกังวล “Higher for Longer” หรือดอกเบี้ยสูงยาวนานขึ้น แต่หากผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดในวันที่ 31 ต.ค.-1พ.ย.นี้ เฟด ไม่ได้ให้ภาพนโยบายการเงินเข้มงวดมาก ๆ อิงสัญญาณชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐฯ 4Q23 แผ่ว ขณะที่เศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง หนุนหุ้นไทย
โดยที่ระดับเก็งกำไรลงมาอยู่โซนฐาน และ Valuation PBV ใกล้ – 2.0 S.D. มองหุ้น Deep Discount ปรับฐานลึก ฟื้นตัวนำตลาด GPSC, IVL, SCGP, PTTGC, GULF, TOP, CPALL, KBANK, STEC, DOHOME ซึ่งประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,366-1,423 จุด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดหุ้นไทย
• 31 ต.ค. – 1 พ.ย. ติดตามการประชุม FOMC (ทราบผลเช้า 2 พ.ย.) ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ 5.25-5.5% และแนะนำติดตามมุมมองเงินเฟ้อ, เศรษฐกิจ
• 31 ต.ค. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือน ต.ค. ดัชนี PMI ภาคผลิต (ISM)
• 31 ต.ค. PMI ผลิต และบริการของจีนเดือน ต.ค. และการประชุม Financial Policy Commission ในส่วนมาตรการกระตุ้นเพิ่ม
• 31 ต.ค. ติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นหรือบีโอเจ ตลาดคาด คงดอกเบี้ยและยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย Yield Curve Control
• 3 พ.ย. การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ เดือนต.ค. ตลาดคาด 1.68 แสนตำแหน่ง จากเดิมอยู่ที่ 3.36 แสน อัตราการว่างงาน ต.ค. ตลาดคาด 3.8% ทรงตัว
• 3 พ.ย. ดัชนี PMI สหรัฐฯ ภาคบริการ (ISM) ตลาดคาด 53 ลดลงจาก prev. ที่ 53.6
• ติดตามสถานการณ์สงครามอิสราเอล – กลุ่มฮามาส
• ความคืบหน้านโยบาย Digital Wallet
• SET EPS: กำไรตลาดอิง BB อยู่ที่ 86.4 บาท จากเดิมอยู่ที่ 86.8 บาท กลุ่มปรับลง คือ ปิโตรเคมี แพ็คเกจจิ้ง อาหาร กลุ่มปรับขึ้น คือ พลังงาน สื่อสาร ค้าปลีก
หุ้นเด่นสัปดาห์นี้ :
• CPALL (TP76): ภาคบริโภคเร่งขึ้น 4Q23 และ Digital Wallet ใกล้มีข้อสรุป
• IVL (TP36.5) : หุ้น Deep Discount ขณะที่เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวต่อหนุน
• SCGP (TP42): หุ้น Deep Discount ขณะที่เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวต่อหนุน
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย (PI) เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้กับ Nation Online ว่า คืนวันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (PCE) พบว่าขยายตัว 3.4% YoY , 0.4% MoM โดย Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 3.4% YoY , 0.3% MoM
ด้านเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 3.7%YoY 0.3%MoM สอดคล้องกับที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ องค์ประกอบภายในพบว่าราคาที่เร่งตัวขึ้น MoM ได้แก่ ภาคบริการ (+0.5%MoM) ราคาสินค้าไม่คงทน (+0.3%MoM) ราคาอาหาร (+0.3%MoM) ราคาพลังงาน (+1.7%MoM)
ภายหลังจากประกาศข้อมูลดังกล่าวพบว่า US Bond Yield ชะลอตัวเล็กน้อยทดสอบระดับ 4.8% จากก่อนหน้าที่ระดับ 5% Dollar Index ทรงตัวในแนวโน้มแข็งค่า ด้านราคาทองคำปรับขึ้น จากความกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
สัปดาห์นี้นักลงทุนจะให้น้ำหนักกับการประชุมธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด ที่จะทราบผลอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีช่วงเช้าตามเวลาประเทศไทย CME FED Watch ให้น้ำหนัก 99.9% ที่ FED จะคงดอกเบี้ยระดับเดิม
อย่างไรก็ตาม มองปัจจัยสำคัญมากกว่า เรื่องของดอกเบี้ย ได้แก่ ถ้อยแถลงของเฟด เนื่องจากการแข็งแกร่งของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯและเงินเฟ้อยังห่างไกล จากเป้าหมายของเฟด จึงมีความเสี่ยงที่ประธานเฟด อาจยังส่งสัญญาณเชิงเข้มงวดและจะกลับมาเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้น รวมถึงแนวโน้มดอกเบี้ยช่วงถัดไป เนื่องจากตาม Dot Plot FED ยังส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง แต่ยัง สวนทางกับตลาดที่ประเมินว่าจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกแล้ว
ถัดมารอติดตามภาคแรงงานในสหรัฐฯในคืนวันศุกร์กับการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.82 แสนรายและ 3.8% ตามลำดับ หากรายงานแล้วสูงกว่าคาดการณ์จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อตลาดหุ้นจากความกังวลเงินเฟ้อและดอกเบี้ย
สำหรับในประเทศรอติดตามแถลงเศรษฐกิจไทยจาก ธปท. และดุลบัญชีเดินสะพัดในวันที่ 31 ต.ค. Bloomberg Consensus ประเมินไว้เกินดุล 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยสัปดาห์นี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1,350 – 1,400 จุด เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะทยอยสะสมสำหรับลงทุนระยะกลางจากระดับ Valuation น่าสนใจ เน้นกลุ่มขนาดใหญ่
สำหรับ Trading ระยะสั้นเลือก
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุว่า คาด SET แกว่งในกรอบ โดยกรอบบนถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1,402 จุด และ 1,411 จุด ตามลำดับ เนื่องจากคาดนักลงทุนในตลาด รอประเมินทิศทางดอกเบี้ยเฟดในการประชุมวันที่ 31 ต.ค. - 1 พ.ย. ส่วนกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1,380 จุด และ 1,370 จุด ตามลำดับ หากไม่ต่ำกว่า ยังเป็นสัญญาณเทคนิคที่ดีต่อการฟื้นตัวได้อยู่
หุ้นเด่นวันนี้แนะนำ ADVANC ราคาเป้าหมาย 245 บาท มองเป็นหุ้น Defensive ภายใต้ภาวะตลาดผันผวน โดยคาดจะเห็นกำไรปกติค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ และ YoY ใน 3Q66 โดยได้แรงหนุนจากการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจ FBB ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องและฐานผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น
หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ BCP ราคาเป้าหมาย 51 บาท 3Q66 คาดมีกำไร 4.6 พันลบ. เติบโต 86%YoY และ 902%QoQ แรงหนุนจากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นและกำไรสินค้าคงคลัง ขณะที่ valuation ยังไม่แพง โดยมี PER 66F ระดับ 5.3 เท่า และ PBV 0.8 เท่า (-1SD) อีกทั้งคาด Div. Yield ปี 66 น่าสนใจในระดับ 5.5% และจะเพิ่มขึ้นสู่ 8% ในปี 67