นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด เปิดเผยถึงทิศทางราคาทองคำสัปดาห์หน้ากับ Nation Online ว่า ราคาทองคำช่วงเดือนก.ย.ที่ผ่านมาปรับตัวลง 91.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำในปัจจุบันถือว่าต่ำสุดในรอบกว่า 6 เดือน จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) อายุ 10 ปีพุ่งขึ้น หลังเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายราย มีความกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง
ปัจจัยบวกลบที่ต้องติดตาม
-ติดตามแรงซื้อแรงขายจากทางฝั่งจีน หลังจาก ตลาดเงินตลาดทุนของจีนปิดทำการตั้งแต่วันที่ 1-7 ตุลาคมที่ผ่านมา เนื่องในวันชาติของจีน และจะเปิดทำการอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม 2023
-ตัวเลขเศรษฐกิจของจีน เช่น ดุลการค้าเดือนก.ย. ,สินเชื่อใหม่ และข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI)ล ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
-แรงซื้อแรงขายทองคำในฝั่งสหรัฐอาจจะเบาบางกว่าปกติ แม้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทและตลาดทองคำจะยังคงเปิดการซื้อขาย แต่ภาคธนาคารของสหรัฐจะปิดทำการในในวันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม 2023 เนื่องในวัน Columbus Day
- ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐระหว่างสัปดาห์ เพิ่มเติมในส่วนรายงานการประชุม FOMC Meeting Minutes เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. 2023 นอกจากนี้แนะนำติดตาม การเปิดเผยตัวเลข ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI),ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อชี้นำทิศทางราคาทองคำ
- รายงานผลประกอบการ ประจำไตรมาส 3/2023 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ซึ่งจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นของผลกระทบของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐเผชิญความผันผวนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเพราะสัญญาณบ่งชี้ทางเศรษฐกิจอันอ่อนแอของสหรัฐ
สำหรับแนวโน้มทิศทางทองคำสัปดาห์หน้า คาดเคลื่อนไหว แบบ Sideway down หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด ได้กดดันราคาทองคำ ซึ่งประเมินแนวต้านแรกที่ 1,843 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์แนวต้านถัดไปที่ 1,861 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวต้านสุดท้ายที่ 1,879 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับแรกที่ 1,804 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวรับถัดไปที่ 1,786 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และแนวรับสุดท้ายที่ 1,767 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
โดยกลยุทธ์การลงทุน มีแรงขายกดดันให้ราคาอ่อนตัวลงหลังจากราคาฟื้นตัวขึ้น แต่หากยังคงมีแรงขายทำกำไรสลับเข้ามาเพิ่มกดดันราคาไว้
แนะนำเสี่ยงเปิดสถานะขายทำกำไรระยะสั้น เมื่อราคาปรับตัวขึ้นไม่สามารถยืนเหนือโซนแนวต้าน 1,834-1,843 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ตัดขาดทุนหากราคาผ่านแนวต้านบริเวณ 1,861 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทยอยปิดสถานะขายทำกำไรหากราคาไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,809-1,804 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์