svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

เช็กราคาทองคำสัปดาห์หน้า ! ร่วงหนักไหม - หลังเศรษฐกิจจีนแผ่ว

เศรษฐกิจจีนพ่นพิษทุบราคาทองคำร่วง เผยตั้งแต่ 1-15 ก.ย.ปรับตัวลงประมาณ 24 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  ส่วนแนวโน้มสัปดาห์หน้าจะเป็นอย่างไร ตามไปดูรายละเอียดกันเลย

นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด  เปิดเผยถึงทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์หน้ากับ Nation Online ว่า  แนวโน้มทิศทางทองคำแกว่ง  Sideway down  หลังจากราคาทองคำช่วง 1-15 ก.ย. ปรับตัวลงประมาณ  24 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 852 บาท (คิดอัตราแลกเปลี่ยนที่ 35.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) 

ทั้งนี้เนื่องจากเศรษฐกิจจีนจะเติบโตน้อยกว่าที่คิดไว้ในปีนี้และปีหน้าเป็นผลมาจากตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนที่กำลังซบเซาอย่างหนัก  จากครั้งหนึ่งเคยเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ

ปัจจัยบวกลบที่ต้องติดตาม

- แนะนำติดตาม การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 19-20 ก.ย. ทั้งนี้ตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ช่วยหนุนให้เฟด คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ

ทั้งนี้นักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 97% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะคงอัตราดอกเบี้ย ที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมรอบเดือน ก.ย.และให้น้ำหนักเพียง 3.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75% และให้น้ำหนักเกือบ 67% ที่เฟดจะหยุดปรับขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราวอีกครั้ง ในการประชุมเดือนพ.ย. ซึ่งส่งผลลบต่อราคาทองคำ

เช็กราคาทองคำสัปดาห์หน้า ! ร่วงหนักไหม - หลังเศรษฐกิจจีนแผ่ว

- การประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) คาดการณ์ที่ว่า BoE จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังการประชุมครั้งที่ผ่านมา ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 0.25% สู่ 5.00% สูงสุดในรอบ 15 ปี นับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 13 เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ หลังมีข้อมูลบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษจะใช้เวลานานกว่าที่จะลดลง

- การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คาดการณ์ที่ว่า BOJ จะยุติการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ (Ultra-easy policy)อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางญี่ปุ่น กล่าวเน้นย้ำถึงการปรับขึ้นค่าจ้างที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นในการตัดสินใจว่า จะยกเลิกมาตรการกระตุ้นทางการเงินที่ผ่อนคลายเป็นพิเศษหรือไม่และอย่างไร

อย่างไรก็ตาม ประเมินแนวรับแรกที่ 1,884 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวรับถัดไปที่ 1,867 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และแนวรับสุดท้ายที่ 1,851ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  ขณะที่แนวต้านแรกที่ 1,930 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวต้านถัดไปที่ 1,953  ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และแนวต้านสุดท้ายที่ 1,971 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ 

ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเสี่ยงเปิดสถานะขายทำกำไรระยะสั้น หากราคาฟื้นตัวขึ้นเข้าใกล้กรอบด้านบนของทิศทาง Sideway down  หากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,924-1,930 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้   เน้นทำกำไรจากการแกว่งตัว สถานะขายตัดขาดทุนหากราคาผ่านแนวต้าน 1,953 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ปิดสถานะขายทำกำไรหากราคาปรับตัวลงไม่หลุดแนวรับ 1,889-1,884 ดอลลาร์ต่อออนซ์