
01 สิงหาคม 2568 หลังจากที่ รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดย รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ สินค้าของไทยในอัตรา 19 % จากเดิมสหรัฐฯ จะจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากไทย 36% ทั้งนี้ มีผลบังคับตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป
"เนชั่นทีวี" มีข้อมูลสรุปว่าสิ่งที่ไทยยอมแลก เพื่อภาษี 19% จาก สหรัฐฯ มี 10 ข้อหลัก ดังนี้
1. ยกเว้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ~90% ของรายการ
ไทยเสนอเปิดภาษีเป็น 0% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐกว่า 10,000 รายการ (จากทั้งหมดประมาณ 11,000 รายการ) โดยส่วนใหญ่เป็นของที่ไทยไม่ได้ผลิตเอง หรือผลิตไม่พอ เช่น เครื่องมือแพทย์ ชิ้นส่วนยานยนต์ขั้นสูง และอาหารเฉพาะทาง
2. ลดมาตรการกีดกันทางเทคนิค (NTBs)
ไทยยอมลดอุปสรรคด้านสุขอนามัย ศุลกากร และขั้นตอนการรับรองสินค้าสหรัฐ เช่น การใช้ระบบ “post-clearance audit” (อนุญาตให้สินค้าผ่านด่านก่อนแล้วตรวจย้อนหลัง) เพื่อเร่งกระบวนการและลดภาระต้นทุนให้ผู้ส่งออกสหรัฐ
3. เปิดทางให้สหรัฐเข้าลงทุนในอีอีซีและโครงสร้างพื้นฐาน
ไทยเสนอบริการ fast-track พร้อมสิทธิประโยชน์ BOI (Board of Investment) แก่บริษัทอเมริกันใน 3 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่: พลังงานสะอาด, Semiconductor/ICT, และโลจิสติกส์ เพื่อให้สหรัฐเห็นไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนในอาเซียน
4. สั่งซื้อพลังงาน และอากาศยานจากบริษัทสหรัฐ
ภาครัฐและเอกชนไทยรวมกันเตรียมสั่งซื้อ LNG (ก๊าซธรรมชาติ) จากบริษัทสหรัฐ และ เครื่องบิน Boeing รุ่นใหม่ ซึ่งช่วยลดดุลการค้าของไทยที่เกินดุลสหรัฐต่อเนื่องมาหลายปี
5. ให้คำมั่นลด “เกินดุลการค้า” กับสหรัฐ 70% ภายใน 5 ปี
ไทยเสนอ roadmap เพื่อลดดุลการค้ากับสหรัฐ (ที่ปัจจุบันเกินดุลกว่า 1.2 แสนล้านบาทต่อปี) ให้เหลือเพียง 30% ภายในปี 2573 โดยเพิ่มการนำเข้าและดึงการลงทุนกลับเข้าสู่สมดุล
6. รับกติกา RVC ใหม่ (Rules of Origin)
ไทยยินยอมใช้ระบบตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าที่ยืดหยุ่นน้อยลง เพื่อป้องกันกรณี "สินค้าจีนอ้อมทางไทย" และสร้างความเชื่อมั่นว่าสินค้าไทยไม่ถูกใช้เป็นทางผ่านเพื่อหลบภาษี
7. ลดภาษีบริการดิจิทัล/คลาวด์จากสหรัฐ
ไทยเสนอเว้นภาษี 5% ชั่วคราวสำหรับบริการดิจิทัลของบริษัทสหรัฐ (เช่น AWS, Google Cloud) เป็นเวลา 2 ปี เพื่อเปิดประตูให้บริษัทเทคโนโลยีอเมริกันเข้ามาลงทุนและให้บริการในไทยมากขึ้น
8. ขยายโควตานำเข้าพืชเกษตรจากสหรัฐฯ
ไทยยอมเพิ่มโควตานำเข้า ข้าวโพด, ข้าวบาร์เลย์ และถั่วเหลือง จากสหรัฐ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ในไทย และตอบแทนข้อเรียกร้องจากภาคเกษตรอเมริกัน
9. กันสินค้ายุทธศาสตร์บางรายการไม่ให้ถูกบีบเปิดภาษี 0%
แม้ไทยจะเปิดภาษี 0% ส่วนใหญ่ แต่ยังคงภาษีเดิมไว้กับสินค้าสำคัญ เช่น ข้าว น้ำตาล ผลไม้แปรรูป และอุตสาหกรรมอาหารที่ไทยมีความสามารถในการแข่งขันสูง เพื่อปกป้องเกษตรกรและผู้ผลิตในประเทศ
10. ปฏิบัติตามเงื่อนไขสงบศึกไทย–กัมพูชา
แม้จะไม่ได้ระบุอย่างเป็นทางการในข้อตกลง แต่การที่ไทยยอม “ลดความตึงเครียดชายแดน” ถูกมองว่าเป็นปัจจัยแฝงที่สหรัฐใช้ประกอบการตัดสินใจให้ลดภาษีตอบแทน
สรุป
"ไทยยอมแลกหลายมิติ ทั้งเปิดตลาดให้สหรัฐฯ มากขึ้น ยกเว้นภาษีเกือบหมด, เชิญลงทุน, เพิ่มนำเข้า, และร่วมมือด้านความมั่นคง แลกกับการที่ “ภาษีตอบแทน” ที่สหรัฐจะเก็บจากไทย ลดลงจาก 36% เหลือ 19% และเริ่มบังคับใช้วันที่ 7 ส.ค. 2025และเกี่ยวข้องเฉพาะการค้าและการลงทุน ไม่มีเงื่อนไขตั้งฐานทัพสหรัฐฯ ในไทยที่พังงาตามที่เป็นข่าว"