“กังฟู วสวรรธน์” เปิดตัว 11 ผู้สมัคร สส.”พรรคไทรวมพลัง”

26 ธันวาคม 2568 ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท กรุงเทพฯ นายวสวรรธน์ พวงพรศรี หรือ กังฟู วสวรรธน์ หัวหน้าพรรคไทรวมพลัง แถลงเปิดตัวผู้สมัคร สส. พรรคไทรวมพลัง พร้อมแสดงวิสัยทัศน์ “เล็กคิดใหญ่ ไทรวมพลัง” เพื่อประกาศความพร้อมในการเลือกตั้ง
 

โดยพรรค จะส่งผู้สมัครจำนวน 11 เขตเลือกตั้งประกอบด้วย จ.อุบลราชธานี 6 เขต คือ นายณรงค์ชัย วีระกุล เขตเลือกตั้งที่ 2 , นางพิมพกาญจน์ พลสมัคร เขตเลือกตั้งที่ 3 , นายกิตติกร เชิดชู เขตเลือกตั้งที่ 6 , นายบรรหาร ศรีบุระ เขตเลือกตั้งที่ 8 , นางจิตรวรรณ หวังศุภกิจโกศล เขตเลือกตั้งที่ 9 และ นายสมศักดิ์ บุญประชม เขตเลือกตั้งที่ 10
 

และ จ.สุราษฎร์ธานี 5 เขตเลือกตั้ง คือ นายศักดิ์วิชญ์ แก้วมีศรี เขตเลือกตั้งที่ 2 , นางสาววชิราภรณ์ กาญจนะ เขตเลือกตั้งที่ 3 , นายนพดล บัวนา เขตเลือกตั้งที่ 4 , นางสาวฌาณิกา เมืองนอน เขตเลือกตั้งที่ 5 และ นายนิรัตน์ ลิ้นเกลื่อน เขตเลือกตั้งที่ 6 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่พรรคส่งผู้สมัครในพื้นที่ภาคใต้
 

นอกจากนี้ พรรคยังส่งผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ อีก 15 รายชื่อ 
 

นายวสวรรธน์ กล่าวว่า เป็นโอกาสที่ดีที่จะพรรคได้เข้ามาในกรุงเทพฯ เราคิดอยู่เสมอว่าพรรคเรามาจากท้องถิ่น แต่เราอยากไปแบบอินเตอร์ ดึงความเป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่นรวมพลังกัน ไม่ว่าจะเป็นพลังสุราษฎร์ธานี หรือพลังอุบลราชธานี มารวมกัน และจังหวัดอื่นๆ กลายเป็นไทรวมพลัง วันนี้รู้สึกดีใจ แต่อีกใจก็ยังเป็นห่วงกับสถานการณ์ชายแดนที่เกิดขึ้น และวันนี้ถือว่าไทม์ไลน์ของ กกต. เป็นวันสุดท้ายที่ต้องเปิดตัวผู้สมัคร พรรคไทรวมพลังถือว่าเป็นพรรคสุดท้ายที่เปิดตัว แต่เรามั่นใจว่าสิ่งที่เราเคยทำงาน มีอดีต สส. หลายคนมาร่วมงานด้วย และอดีต สส. ของของพรรคอีก 2 คน 
 

 

สำหรับสโลแกนของพรรค “เล็กคิดใหญ่ไทรวมพลัง” เรารู้ตัวว่าเราเล็ก แต่เราก็คิดใหญ่ ที่ผ่านมาตนกินนอนอยู่ที่ชายแดน ห่างจากช่องอานม้า ช่องบก ไม่ถึง 10 กิโลเมตร เข้าใจว่าความเดือดร้อนของประชาชน เข้าใจหัวอกทหารแนวหน้า ตนก็ทำหน้าที่มาตลอด 10 เดือน ในหัวใจที่ถามว่านี่ใช่หน้าที่ สส. หรือพรรคการเมืองหรือไม่ เพราะคนบอกว่าพรรคการเมืองไปผลักดันกฎหมาย ไปเป็นปากเสียง แต่ตนบอกว่านี่คือหน้าที่ของ สส. และพรรคการเมือง ที่จะไปช่วยประชาชนและช่วยทหารแนวหน้า
 

“ผมเชื่อว่าสถานการณ์ปัจจุบัน ณ ขณะนี้ คนไทยทุกคนต้องรวมพลังกัน ไม่ทะเลาะกันเอง ต้องหาทางออก และรักษาอธิปไตย มันไม่ใช่เวลาที่เราจะมาทะเลาะกัน วันนี้ไม่ว่าจะเป็นภัยความมั่นคง สถานการณ์ชายแดนที่เกิดขึ้นที่ อย่างที่อุบลราชธานี ผมสัมผัสมาและรู้สึกว่าเราต้องเอาการเมืองมากำหนดนโยบายไปสู่การแก้ไขต่อไป จึงได้คิดการใหญ่ ผมเป็นพรรคเล็ก แต่คิดการใหญ่ ที่จะไปสนับสนุนและช่วยเหลือการสู้กับรัฐบาลกัมพูชา เราทำเรื่องใหญ่ แต่เราจำเป็น เพราะเรามีความรับผิดชอบที่เราจะต้องดูแล ใครจะว่าอย่างไรก็ช่างแต่เราต้องมีหัวใจที่รับผิดชอบ และอยากมีความจริงใจในการช่วยเหลือว่าทำอย่างไรทหารถึงจะอยู่ได้และรบชนะ”   
 

นายวสวรรธน์ กล่าวต่อว่า ตนไม่มีโอกาสได้ไปดีเบตกับเขา ไม่มีโอกาสไปอยู่ตามหน้าสื่อ แต่ก็ขอบคุณที่หลายคนให้ความสนใจพรรคเล็กๆ ของเรา ที่เป็นเสียงจากคนชายแดน เราเป็นพรรคนาโนที่สร้างขึ้นเมื่อปี 2565 ซึ่งตอนนั้นตนอายุ 28 ปี และตอนนี้อายุ 32 ปีแล้ว พรรคเราค่อยๆ เติบโตและก้าวไปทีละเล็กทีละน้อย ไม่อยากเติบโตแบบก้าวกระโดด จากนี้คิดการใหญ่ต่อไปคือเรื่องท้องถิ่น สุราษฎร์ธานีก็มีปัญหาของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นราคาพืชผลทางการเกษตร การคมนาคม การท่องเที่ยว และมิติอื่นๆ ที่เราจะขออยู่ใกล้ เป็นปากเสียงและพูดแทนทำแทนประชาชนในพื้นที่ต่างๆ
 

อีกประเด็นที่คิดใหญ่ คือ สส.บัญชีรายชื่อ ที่เราส่ง 15 คน เปรียบเสมือนคนตีมีด การไปเป็นนักรบต้องมีมีดดาบ แต่ถ้าขาดคนตีมีดก็ไปไม่ได้ ซึ่งทีมงานของไทรวมพลัง 10 เดือนที่ผ่านมา มีคนที่เป็นทีมงานตีมีดดาบ และเป็นผู้ปิดทองหลังพระ ขณะที่ สส.บัญชีรายชื่อพรรคอื่น จะเป็นอย่างไรเราไม่ทราบ แต่สำหรับพรรคไทรวมพลังถือค้อน ถือเครื่องมือช่าง ขับรถแม็คโคร ขับรถขนดินไปสนับสนุนหน้าแนวให้กับทหารตัวเล็กตัวน้อยที่ไม่มีบังเกอร์ ก็ขอความสนับสนุนพรรคไทรวมพลัง ทั้งแบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ
 

สำหรับการเมืองครั้งนี้มีการแข่งขันที่ดุเดือด อดีต สส. 2 คน ก็ยังหนักแน่นอยู่กับพรรค แม้จะมีกระแสลมพัดมา บีบคั้นมา แต่ก็ยังมีศักดิ์ศรีความเป็นผู้แทนราษฎร เราไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง
 

จากนั้น นายวสวรรธน์ ได้แนะนำผู้สมัครแบบแบ่งเขต ทั้ง 11 คน พร้อมกับสวมเสื้อสมาชิกพรรคให้แต่ละคน