
5 ธันวาคม 2568 หลังจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ออกมาอ้างหลังมีภาพร่วมเฟรมกับ “เบน สมิธ” ว่า ไม่ได้สนิทสนมกัน เป็นแค่ “เพื่อนของเพื่อนของเพื่อน” และที่ตนถูกพรรคเพื่อไทยบีบออกจากตำแหน่ง รมว.มหาดไทย เมื่อครั้งยังร่วมรัฐบาลเพื่อไทย เพราะสั่งไม่ให้สัญชาติไทยแก่ “เบน สมิธ” นั้น
มีรายงานว่า แท้จริงแล้วการพิจารณาให้สัญชาติไทยแก่บุคคลต่างด้าว ที่พํานักในประเทศไทยนั้น ไม่ใช่ อํานาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยโดยตรง แต่เป็นการพิจารณาของคณะกรรมการ ที่มีรองปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน และมีกรรมการจากผู้แทนหน่วยงานความมั่นคง รวมทั้งกองทัพ โดยมีอธิบดีกรมการปกครอง เป็นฝ่ายเลขานุการ
แหล่งข่าวจากหนึ่งในกรรมการพิจารณาให้สัญชาติ เปิดเผยว่า การพิจารณาสัญชาติ นายเบน สมิธ คณะกรรมการลงมติไม่ให้สัญชาติ เพราะปัญหาเรื่องการไม่จ่ายภาษี ทั้งๆ ที่มีการทำธุรกิจในประเทศไทย โดยไม่ได้เกี่ยวกับที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสั่งการ และไม่ได้มีนโยบายใดๆ จากรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งก็คือนายอนุทิน
จากนั้นเมื่อคณะกรรมการมีมติ “ไม่ให้สัญชาติ” แล้ว จึงส่งมติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพื่อทราบ ฉะนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่นโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตามที่อ้าง