
21 ตุลาคม 2568 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา (ประชุม IPU) ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าสำคัญของการแก้ไขสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา โดยระบุว่าได้รับทราบข้อเสนอของฝ่ายกัมพูชาที่ต้องการให้มีการเจรจาผ่านกลไกระดับทวิภาคี ระหว่างการประชุม IPU ซึ่งเปรียบเสมือนการประชุมรัฐสภาโลก
ก่อนหน้านี้ ประธานวันนอร์ ได้เข้าพบ นายมาร์ติน จุนกอง (Martin Chungong) เลขาธิการ IPU ซึ่งทางเลขาธิการ IPU ได้แจ้งต่อคณะผู้แทนไทยว่า กัมพูชาได้เข้าพบก่อนหน้า 1 วัน และได้แสดงความกังวลต่อการเสนอข่าวของสื่อไทยในการประชุม IPU ซึ่งกัมพูชามองว่าเป็นข่าวแง่ลบกับตัวเองทั้งสิ้น
ทำให้ นายมาร์ติน ตัดสินใจเสนอตัวเป็น "คนกลาง" เพื่อจัดให้ผู้แทนหรือประธานฝ่ายไทยได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับฝ่ายกัมพูชา มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ "คลี่คลายสถานการณ์" ระหว่างประเทศทั้งสอง
ประธานวันนอร์ ยืนยันว่า ฝ่ายไทย "ไม่ขัดข้อง" ที่จะมีการพบปะและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นดังกล่าว โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อ "สร้างสันติภาพและเรื่องมนุษยธรรม" ซึ่งสอดคล้องกับวาระหลักของการประชุม IPU
อย่างไรก็ตาม ประธานรัฐสภาไทย ได้เปิดใจถึงการกำหนดขอบเขตของการเจรจาอย่างชัดเจนว่า ขอให้การพูดคุยนี้จำกัดอยู่ใน "กรอบของฝ่ายนิติบัญญัติ" (ระดับรัฐสภา) เท่านั้น
นายวันมูหะมัดนอร์ ได้เน้นย้ำถึงการแบ่งแยกภารกิจระหว่าง 2 อำนาจ โดยชี้แจงว่า ฝ่ายรัฐสภา เน้นการเจรจาเพื่อสันติภาพในกรอบนิติบัญญัติ ฝ่ายรัฐบาล รับผิดชอบในเรื่อง "ความมั่นคงและการบริหารชายแดน" ซึ่งเป็นภารกิจที่กำลังดำเนินไปอยู่
ทั้งนี้ ประธานรัฐสภาไทย อ้างอิงรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศ ว่า การดำเนินการของรัฐบาลเป็นไปใน "ทิศทางที่ดี" โดยยกตัวอย่างการประชุมสำคัญ อาทิ การประชุม GBC (General Border Committee) รวมถึงการประชุมที่มีมาเลเซียเป็นคนกลาง ซึ่งมีมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและจีนเข้าร่วมด้วย
สำหรับคำถามถึงการเปลี่ยนแปลงท่าทีของกัมพูชาที่มาขอเจรจา ประธานวันนอร์ ให้ความเห็นว่า ท่าทีของกัมพูชาเริ่ม "อ่อนลง" เนื่องจากในหลายประเด็นที่กัมพูชาเคยกล่าวหาไทยนั้น เมื่อไทยได้ชี้แจง "ความจริง" ที่ปรากฏต่อสังคมโลกอย่างหนักแน่น ก็เป็นที่รับทราบว่าสิ่งที่กัมพูชาพูดนั้น "ไกลจากความจริง" มากกว่าสิ่งที่ไทยได้ชี้แจง
"เมื่อกัมพูชาเห็นว่าตนเองอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบในสังคมโลก จึงต้องการเจรจาเพื่อ หาทางลงที่ดีที่สุด ซึ่งฝ่ายไทยก็ยินดี" นายวันมูหะมัดนอร์ ระบุ
ประธานรัฐสภาทิ้งท้ายด้วยความคาดหวังว่า ในฐานะ "เพื่อนบ้าน" การพูดคุยและการเจรจาเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะช่วยให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศเกิดความสุข และไม่ต้องหวาดระแวง อันเป็นผลกระทบจากปัญหาที่เกิดในระดับรัฐบาล