
8 กันยายน 2568 เเหล่งข่าวนักกฎหมายระดับสูงในกระบวนการยุติธรรม กล่าวถึงเเนวคำสั่งในคดีบังคับโทษคดีชั้น 14 ที่ศาลฎีกาฯ นัด นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฟังคำสั่งในวันที่ 9 ก.ย. คาดว่าคำสั่งขององค์คณะไต่สวน จะออกมาคล้ายไต่สวนชันสูตรพลิกศพ ที่ว่าไต่สวนให้ได้ความว่า ผู้ตายเป็นใคร ทำอะไร ที่ไหนอย่างไร เเละส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการต่อไป
เเนวขององค์คณะศาลฎีกาฯ ก็คงจะต้องไต่สวนให้ได้ความจริงออกมาว่า ใครกระทำอย่างไรในขั้นตอนบังคับโทษนายทักษิณ หลังจากนั้นก็จะส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อ โดยคาดว่า จะออกได้ 4 เเนวดังนี้
1.มีการบังคับโทษถูกต้อง เจ้าหน้าที่กระทำถูกต้อง ก็จบรอดหมด
2. เจ้าหน้าที่กระทำไม่ถูกต้อง เเต่มีการบังคับโทษถูกต้อง เพราะทักษิณเป็นผู้ถูกบังคับโทษ ก็จะต้องส่งเรื่องดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ต่อ ป.ป.ช. ใครเข้าข่ายกระทำความผิดบ้าง ส่วน "ทักษิณ" รอด!!
3.ไม่เคยมีการบังคับโทษ หรือ 4.บังคับโทษไม่ถูกต้อง ส่ง "ทักษิณ" ให้ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปดำเนินการบังคับโทษให้ครบ (ตัวเลขขึ้นอยู่กับศาลตีความ) เเละส่งเรื่องดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ต่อ ป.ป.ช. ใครเข้าข่ายกระทำความผิดบ้าง
เเหล่งข่าวจากศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการที่ศาลฎีกาออกหมายเรียก ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาในวันคำสั่งบังคับโทษคดีชั้น 14 ว่า เป็นเหตุปกติคล้ายกับคดีอื่นๆ เช่น คดีที่ศาลนัดฟังคำสั่งคดีในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
หากจำเลยมาฟังคดีเเล้วศาลประทับรับฟ้อง ศาลจะออกหมายขัง เว้นเเต่มีประกัน ซึ่งอาจจะต้องมีการคุมตัว ศาลก็จะเรียกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ หรือเจ้าพนักงานตำรวจศาลมาด้วยทุกครั้ง เเละการเรียกมาทุกครั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้จำเลยเดาทางได้ด้วย
คดีชั้น 14 เช่นกัน เเปลว่า ถ้าหากมีคำสั่งเเล้วอาจจะต้องใช้การควบคุมตัว ก็จะเรียกราชทัณฑ์ หรือเจ้าพนักงานตำรวจศาลมารอไว้ เหมือนทุกคดี
กรณีนี้เป็นเรื่องการบังคับโทษ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก็มีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องทราบคำสั่ง
ศาลจึงเรียกมา เเต่ไม่ได้หมายความว่า เรียกมาเเล้วจะต้องคุมตัวจำเลยกลับเเน่นอน ก็ขึ้นอยู่กับคำสั่งศาลในวันดังกล่าง เเต่การเรียกมาทุกครั้งก็ทำให้จำเลยเดาทางไม่ได้