
17 สิงหาคม 2568 กระแสข่าวหนาหู ก่อนถึงวันศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัยคดี คลิปเสียง “อังเคิลฮุนกับหลานอิ๊งค์” ในวันที่ 29 สิงหาคม โดยกล่าวกันว่า คุณแพทองธาร จะตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากหวังผลให้ ศาลรธน. จำหน่ายคดี ซึ่งจะส่งผลดีต่อ คุณแพทองธาร ในการเดินบนสนามการเมืองต่อไปได้ในอนาคต
มุมความคิดที่ว่า นายกฯลาออกก่อนมีคำวินิจฉัย จะทำให้ ศาลรธน.จำหน่ายคดีนั้น อาจเป็นมุมคิดในทางการเมืองเชื่อว่าปลอดภัยต่อตัวนายกฯ ที่ต้องการจะเล่นการเมืองต่อ
แต่ช้าก่อน!!! นั่นอาจเป็นมุมคิดที่ยังไม่ถูกต้องทั้งหมด
เนื่องจากนักกฎหมายได้กางตำรารัฐธรรมนูญ ในส่วนของ กม.ประกอบรธน. ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรธน. พบมาตราหนึ่ง ที่สมควรพิจารณาให้ครบทุกบรรทัด
ซึ่งอาจทำให้เกิดมุมคิดใหม่ ที่ว่า หากนายกฯลาออกก่อนวันอ่านคำวินิจฉัน ไม่ได้หมายความว่า ศาลรธน. จะจำหน่ายคดีเสมอไป
ทั้งนี้ ข้อความในตอนท้าย ของมาตรา 51 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ คือ ข้อที่ทำให้ แม้คุณแพทองธารจะลาออก ก่อนวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย (29 ส.ค.) และแม้จะมีแนวการวินิจฉัยจากคดีคุณพิชิต ชื่นบาน และ คุณนิพนธ์ บุญญามณี อยู่ ก็ยังต้องลุ้นว่าศาลจะจำหน่ายคดีหรือไม่ เพราะยังขึ้นอยู่กับดุลพินิจว่าศาลจะเห็นว่าคดีของคุณแพทองธารนี้ "เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ" หรือไม่
อ่านมาตรา 51 ระบุไว้ดังนี้ คำร้องที่ได้ยื่นต่อศาลไว้แล้ว ก่อนศาลจะมีคำวินิจฉัยหรือมีคำสั่ง ถ้าผู้ร้องตาย หรือมีการขอถอนคำร้อง หรือไม่มีเหตุที่จะต้องวินิจฉัยคดีนั้น ศาลจะพิจารณาสั่งจำหน่ายคดีนั้นก็ได้ เว้นแต่การพิจารณาคดีต่อไปจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
ขีดเส้นใต้ สีแดงตัวหนา “เว้นแต่การพิจารณาคดีต่อไปจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ”
ถ้าคิดแบบสามัญไม่ซับซ้อน การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ต่อไป ย่อมมีประโยชน์แน่ ดังนั้น ศาลน่าจะไม่จำหน่ายคดี ยังไง ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องทำเรื่องนี้ให้เป็นบรรทัดฐาน สำหรับคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคตว่าการปฏิบัติแบบที่คุณแพทองธารทำนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้หรือไม่ได้ ควรหรือไม่ควร
ซึ่งคณะที่ปรึกษาด้านกฎหมายของคุณแพทองธารและคุณทักษิณ น่าจะอ่านเส้นเรื่องไปในทิศทางนี้
ดังนั้น ที่สุดแล้วคุณแพทองธาร คงไม่ลาออก จังหวะที่เหมาะสมที่สุดในการลาออกมันได้ผ่านพ้นไปแล้ว คือควรจะลาออกตั้งแต่วันที่คลิปเสียงหลุด และศาลยังไม่ได้รับคำร้อง ซึ่งถ้าคุณแพทองธารลาออกตอนนั้น ภาพจะดีมาก และเป็นผลบวกกับพรรคเพื่อไทยด้วย (ในเชิงการแสดงความรับผิดชอบและเป็นมืออาชีพ)
สรุป ถ้าจะลาออกตอนนี้ มันสายไปแล้ว