"กัมพูชา" แกล้งตาย ยอมสงบศึกใหญ่ เตรียมใช้สงครามนอกแบบ
8 สิงหาคม 2568 อดีตหัวหน้าหน่วยที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงระดับประเทศ วิเคราะห์สถานการณ์ชายแดนไทย- กัมพูชา ภายหลังมีการประชุม GBC เมื่อวานนี้ (7 ส.ค.2568) ไว้ดังนี้
- หัวใจของข้อตกลง อยู่ที่การรักษาสัญญา ถ้าไม่รักษาสัญญา ข้อตกลงก็สูญเปล่า
- คำถามสำคัญคือ กัมพูชาได้รับในสิ่งที่ตนต้องการหรือไม่
- พฤติกรรมที่ผ่านมาหลายต่อหลายครั้ง กัมพูชาไม่เคยปฏิบัติตามข้อตกลง ครั้งนี้ก็น่าจะเป็นเหมือนเดิม
- การปะทะที่ผ่านมา กัมพูชาลงทุนสูงมาก เป็นครั้งใหญ่ที่สุดที่ทำสงครามกับไทย แต่กลับได้รับความสูญเสียร้ายแรงที่สุด
การยอมสงบศึกครั้งนี้ จึงอาจเป็นเพียงการซื้อเวลา เพื่อฟื้นกำลังของตนอีกครั้ง
- ต้องไม่ลืมว่าเป้าหมายที่แท้จริงของกัมพูชาคือการนำเรื่องขึ้นศาลโลก การปะทะกันครั้งนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของแผน เพื่อปูทางนำเรื่องขึ้นศาลโลกด้วย
- กัมพูชาหวังว่าความสูญเสียอาจสร้างความเห็นอกเห็นใจให้ประชาคมโลกรู้สึกสงสารพวกตน
- ฝ่ายความมั่นคงไม่เชื่อว่ากัมพูชาจะยอมสงบศึกจริง แต่จะรอจังหวะเวลาที่จะรุกกลับอีกครั้ง
ห้วงที่น่าเป็นห่วง คือ ช่วงสับเปลี่ยนกำลัง และช่วงเกิดสุญญากาศการเมือง
- สิ่งที่ไทยจะเผชิญอย่างต่อเนื่อง คือสงครามข่าวสาร การสร้างเฟคนิวส์ และการใช้วิธีลอบกัด
- กัมพูชาจะดึงไทยไปสู่สงครามที่ตนถนัด คือ “สงครามนอกแบบ” โดยเฉพาะการใช้มวลชนจัดตั้ง การยั่วยุให้ฝ่ายไทยใช้กำลังเหมือนเหตุการณ์ที่ปราสาทตาเมือนธม
- จุดอ่อนที่ฝ่ายเราต้องระวังเป็นพิเศษ คือการวางกำลังเฝ้าระวังแนวปะทะทั้งทางบกและทางทะเล โดยเฉพาะการควบคุมดูแลพื้นที่ 11 จุดที่เรามีความได้เปรียบในการควบคุมพื้นที่
"ขณะที่กัมพูชาไม่ต้องเฝ้าระวัง แต่สามารถจะเคลื่อนไหวกดดันจุดใดจุดหนึ่งที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ได้ทันที "
- การเคลื่อนย้ายกำลัง การใช้โดรนหาข่าวอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นชัดเจนว่ากัมพูชายังไม่หยุด และให้ระวังการปรับเปลี่ยนยุทธวิธีการโจมตี
**ระวังจะมีการนำจุดอ่อนและจุดแข็งที่เห็นจากเหตุปะทะที่ผ่านมา ใช้วางแผนการรบในครั้งต่อไป