
3 สิงหาคม 2568 หลังจาก ศบ.ทก.ได้พาคณะผู้ช่วยทูตทหาร สื่อมวลชน ทั้งไทยและตปท.ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเหตุปะทะไทยกัมพูชา จนมีพลเรือน ทหาร บาดเจ็บ เสียชีวิต. อาคารบ้านเรือนพังพินาศ จากคมกระสุนปืนใหญ่จากฝั่งกัมพูชา ที่ยิงก่อนอย่างบ้าระห่ำ เมื่อวันศุกร์ที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา
หากแต่การลงพื้นที่ในวันนั้น น่าเสียดายว่า ผู้แทนรัฐบาลไทย ไม่ได้ปักหมุดวางกำหนดการ ไปยังสมรเดือดอีกแห่ง นั่นคือ "ช่องอานม้า" พื้นที่ผ่อนปรนชายแดน จ.อุบลราชธานี
"กังฟู "วสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทรวมพลัง คือนักการเมืองรายแรกๆที่คลุกคลี ติดตามดูแลสารทุกข์สุขดิบพี่น้องประชาชนในพื้นที่ตั้งแต่ก่อนและหลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา
คล้อยหลังคณะ ผช.ทูตทหาร ไม่ได้มาลงพื้นที่ ช่องอานม้า. เจ้าตัว จึงได้เปิดเผย เรื่องราวสมรภูมิเดือดแห่งนี้ เป็นการเปิดเผยผ่านการบันทึกลงเฟสบุ๊คเมื่อวันที่ 31ก.ค.68 ท่ามกลางความกังวลใจ !!!
เขา บอกไว้ว่า ชวนพี่น้องจับตาครับ! วันนี้(31 ก.ค.68)ทูตต่างชาติลงพื้นที่ชายแดน แต่จะไปถึง "ช่องอานม้า" ไหม?
ผมขอเล่าเรื่อง "ช่องอานม้า" ให้พี่น้องฟังแบบเข้าใจง่ายๆ นะครับ ย้อนไป 30 กว่าปีก่อน ตรงนั้นเป็นแค่ทางขนไม้ของเอกชนไทยเรา พอหมดยุคทำไม้ ก็กลายเป็นจุดที่ชาวบ้านเรากับชาวกัมพูชาเอาของป่ามาแลกเปลี่ยนกัน
แต่ภูมิประเทศตรงนั้น...แผ่นดินไทยเราอยู่บนหน้าผาสูง ส่วนฝั่งกัมพูชาอยู่ข้างล่าง ทำให้เขาค้าขายลำบาก
ด้วยความใจดีมีเมตตา ประเทศไทยเลยผ่อนปรนให้ชาวกัมพูชา "ปีนขึ้นมา" ตั้งตลาดค้าขายบนแผ่นดินเราได้ เพื่อความสะดวกของเขา
แต่ไปๆ มาๆ จากแค่ตลาด...เขากลับสร้างเป็นชุมชนถาวร หนักที่สุดคือ "ฮุน มาเนต" ถึงขั้นมาสร้างอนุสาวรีย์นักรบชี้หอกใส่ฝั่งเรา! ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นบนแผ่นดินไทยที่เราอนุญาตให้เขาขึ้นมาอาศัยค้าขายแท้ๆ
จนทหารไทยของเราต้องเอาเลือดเนื้อเข้าแลก ต่อสู้จนยึดพื้นที่กลับมาและทำลายอนุสาวรีย์นั้นลงได้สำเร็จ
วันนี้...คือวันที่สำคัญมากครับ
รัฐบาลกำลังจะพาทูตนานาชาติลงพื้นที่ แต่ถ้าไม่ได้พาไปดูความจริงที่ "ช่องอานม้า" ให้เห็นกับตา...ว่าแผ่นดินเราอยู่บนที่สูง แล้วใครกันแน่ที่ "ปีนขึ้นมา" รุกล้ำ?ผมกลัวเหลือเกินครับ...ว่าเราจะ "เสียช่องอานม้าซ้ำเป็นรอบที่สอง" ทั้งที่ทหารเพิ่งเอาเลือดเข้าแลกมา ซึ่งสถานการณ์ก็ไม่ต่างกับที่ "ปราสาทตาควาย" ที่อยากให้ทูตได้ไปเห็นความจริงเช่นกัน
อย่าให้การเสียสละของทหารต้องสูญเปล่าเพราะเกมการทูตที่กล้าๆ กลัวๆ เลยครับ
ภาพและข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก กังฟู - วสวรรธน์ พวงพรศรี Wasawat