svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เปิด “ยุทธศาสตร์ 5 เหลี่ยม” ดึงมหาอำนาจแย่งหนุน "กัมพูชา"

เปิด “ยุทธศาสตร์ 5 เหลี่ยม” ดึงมหาอำนาจแย่งหนุน "กัมพูชา" กับ 3 เป้าหมาย สถาปนาฐานอำนาจให้ "ฮุน มาเนต" , ปลุกกระแสชาตินิยม สานสัมพันธ์กับมหาอำนาจทุกฝ่าย

31 กรกฎาคม 2568  ภาพไทยกำลังเพลี่ยงพล้ำให้กัมพูชาในเวทีต่างประเทศ ไม่ใช่แค่เพราะ “ข่าวปลอม” หรือความเชี่ยวชาญเรื่อง “เฟคนิวส์เขมร” เท่านั้น  แถมยังไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการวางนโยบายต่างประเทศ และบทบาทของเขมรในเวทีโลกอย่าง “มียุทธศาสตร์” และ “คิดมาอย่างดี” 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผศ.ดร.มาโนชญ์ อารีย์ อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ หรือ มศว. อธิบายว่า เรื่องนี้ต้องทบทวนกลับไปตั้งแต่การขึ้นมาเป็นนายกฯของ "ฮุน มาเนต" ซึ่งไม่ได้มีนัยแค่ส่งมอบอำนาจจาก “พ่อสู่ลูก” แต่เป็นการปรับเปลี่ยนนโยบายครั้งใหญ่ของกัมพูชา โดยเฉพาะนโยบายต่างประเทศ 

กล่าวคือ "ฮุน มาเนต" ชูยุทธศาสตร์ห้าเหลี่ยม หรือ Pentagonal มาแทนยุทธศาสตร์สามเหลึ่ยม หรือ Rectangular ของ "ฮุนเซน" โดยมองว่าโลกกำลังเปราะบางมาก เพราะมีมหาอำนาจหลายขั้ว สิ่งที่ "ฮุน มาเนต" ตั้งเป็นนโยบาย คือ วางตัวเป็นกลางทางการเมือง และลดการพึ่งพิงจีน ซึ่งก็สมเหตุสมผล เพราะหากพึ่งพิงจีนมากไป จะไม่สามารถรับความช่วยเหลือจากอเมริกาและตะวันตกได้ แต่กัมพูชาก็จะทำตัวให้จีนไม่กล้าทิ้งตนด้วย

เปิด “ยุทธศาสตร์ 5 เหลี่ยม” ดึงมหาอำนาจแย่งหนุน "กัมพูชา"

อาจารย์มาโนชญ์ บอกว่า การขึ้นมาเป็นผู้นำของฮุน มาเนต พลิกโฉมกัมพูชาด้วยภาพผู้นำรุ่นใหม่ และดำเนินนโยบายต่างประเทศแบบใหม่ / ผลก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชากับสหรัฐฯ ฟื้นคืนมาอย่างก้าวกระโดด มีการรื้อฟื้นการฝึกร่วมทางทหาร Angkor Sentinel (อังกอร์ เซนทิเนล) ซึ่งเป็นการซ้อมรบทวิภาคีประจําปี ระหว่างกองทัพบกภาคแปซิฟิคของสหรัฐฯ กับกองทัพกัมพูชา ที่ยกเลิกไปช่วงที่กัมพูชามีการฝึกร่วมกับจีน ในรหัส Golden Dragon 

ข้อมูลเสริม : วันเดียวกับที่มีข้อตกลงหยุดยิงกับไทย จากการเจรจาที่มาเลเซีย ปรากฏว่ามีการปล่อยภาพการจับมือกันระหว่างผู้แทนกองทัพกัมพูชา กับนายทหารสหรัฐฯ เพื่อขยายความร่วมมือการฝึกร่วม Angkor Sentinel ทันที คล้ายๆ เป็นการเย้ยไทย

เปิด “ยุทธศาสตร์ 5 เหลี่ยม” ดึงมหาอำนาจแย่งหนุน "กัมพูชา"

เปิด “ยุทธศาสตร์ 5 เหลี่ยม” ดึงมหาอำนาจแย่งหนุน "กัมพูชา"

อาจารย์มาโนชญ์ บอกอีกว่า ขณะนี้ "กัมพูชา" มั่นใจ 3 เรื่อง จากการนโยบายด้านการต่างประเทศอย่างมียุทธศาสตร์ คือ 

  1. จีนไม่ปล่อยมือกัมพูชา 
  2. สหรัฐฯก็หนุนกัมพูชา 
  3. รัสเซียก็มีการฝึกซ้อมทางทหารร่วมกับกัมพูชา 

ทั้งหมดนี้นำมาสู่ความมั่นใจในมิติการเมืองระหว่างประเทศ ว่ามหาอำนาจหนุนกัมพูชา จึงไม่แปลกที่กัมพูชาท้าไทยไปศาลโลก และกล้าละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยยุทธศาสตร์ของกัมพูชา คือ “ทำให้มหาอำนาจแย่งกันสนับสนุนกัมพูชา” ซึ่งถือว่าฉลาดหลักแหลมมาก หนำซ้ำยังหยิบมาเล่นในช่วงที่ผู้นำไทยอ่อนประสบการณ์ และมีปัญหาภายในจากคลิปเสียง ทำให้ไทยตั้งตัวไม่ถูก 

 

อาจารย์มาโนชย์ วิเคราะห์อีกว่า "กัมพูชา" มีเป้าหมาย 3 เรื่อง คือ  

1.สถาปนาฐานอำนาจให้ "ฮุน มาเนต" มีความมั่นคงในกัมพูชา ด้วยการสร้างตำนาน หรือ legacy เหมือนพ่อที่สร้างตำนานเรื่องเขมรแดง จะได้อยู่ได้นานๆ หรือตลอดไป 

2.ปลุกกระแสชาตินิยม ช่วงชิงดินแดนจากไทย ทั้งปราสาทต่างๆ และทรัพยากรทางทะเล ด้วยการไปศาลโลก หรือทำเรื่องนี้ให้เป็นประเด็นสากล วิธีการคือจุดชนวนการสู้รบกับไทย จะดึงสปอตไลต์จากโลกได้ 

3.สำคัญที่สุด และท้าทายไทยอย่างมาก คือ กัมพูชาวางยุทธศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศไว้ในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยการสานสัมพันธ์กับมหาอำนาจทุกฝ่าย ซึ่งขณะนี้ถือว่าสำเร็จแล้ว เพราะทั้งจีนและสหรัฐฯ พากันสนับสนุนกัมพูชา แถมไม่กล้าวิจารณ์แม้จะรู้ดีกว่าเปิดฉากยิงไทยก่อน

อาจารย์มาโนชย์ บอกทิ้งท้ายว่า หากมองในมุมมหาอำนาจ โดยเฉพาะสหรัฐฯ บทบาทก็จะคล้ายกับกรณีอินเดียกับปากีสถาน ที่ "ทรัมป์" บีบบังคับให้หยุดยิง โดยใช้การเจรจาภาษีเป็นเงื่อนไขต่อรอง แต่กรณีนั้น "ทรัมป์" วางตัวเป็นกลางอย่างระมัดระวัง ผิดกับไทยกับกัมพูชา ซึ่งท่าทีของทูตสหรัฐฯ เอนเอียงไปทาง "กัมพูชา" มากกว่า ทำให้มองเห็นว่ายุทธศาสตร์​ของ "กัมพูชา" ได้ผลจริงๆ