
6 มิถุนายน 2568 มรสุมการเมืองกำลังรุมเร้า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ อย่างหนัก ทั้งกรณีถูกร้องเรียน ป.ป.ช. ตรวจสอบคุณสมบัติการเป็นรมต. เนื่องจาก นายพีระพันธุ์ และภรรยา ถือครองหุ้นส่วน อยู่ส่อขัดคุณสมบัติความเป็นรมต. และยังถูกตรวจสอบปมถุงยังชีพติดสติ๊กเกอร์ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
รวมถึงกรณีที่ รทสช. ทำการแก้ไขข้อบังคับพรรคฉบับใหม่ซึ่งพบว่าส่อขัดกฎหมายพรรคการเมืองขัดรัฐธรรมนูญ ที่อาจลามไปถึงการพ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง
ยิ่งล่าสุดกำลังเกิดความขัดแย้งภายในโดยเฉพาะกรณี นายสุชาติ ชมกลิ่น แกนนำรทสช. เตรียมรวบรวมสมาชิกจำนวนหนึ่งย้ายเข้าพรรคโอกาสใหม่ ท่ามกลางกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีที่กำลังจะมีขึ้น จึงเกิดคำถามตามมา แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะตัดสินใจปรับเปลี่ยนตำแหน่งรมต.ในโควต้าพรรครทสช.หรือไม่อย่างไร
ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ชำแหละปมปัญหาที่กำลังรุมเร้า นายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครทสช. โดยเริ่มจากการแก้ไข “ข้อบังคับพรรครวมไทยสร้างชาติที่มีการแก้ไขและบังคับใช้เเล้ว ได้มีการเเก้ว่าหากสมาชิกพรรคจะลาออก การยื่นลาออกต้องยื่นหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค นายทะเบียนพรรคเท่านั้น สมาชิกพรรคยื่นลาออกกับกกต.ไม่ได้”
ข้อบังคับพรรคเเบบนี้คือเผด็จการ เเละพรรคอื่นๆไม่มีเเบบนี้ เเละอนุข้อบังคับพรรคบางข้อก็ขัดกฎหมายพรรคการเมืองเเละรัฐธรรมนูญ
ในข้อบังคับพรรค ระบุว่า หากสมาชิกพรรคทำผิด กรรมการบริหารพรรคประชุมกับสส.ของพรรค 3 ใน 4 หากมีมติเเล้วขับสมาชิกพรรคคนนั้นพ้นสภาพเเละมีผลทันที ไปหาพรรคใหม่สังกัดไม่ได้ ตรงนี้ขัดกฎหมายหลักที่ให้สิทธิสมาชิกพรรคหาพรรคใหม่สังกัดภายในสามสิบวัน
"เเบบนี้รัฐรรมนูญเเละกฎหมายพรรคการเมือง หากมีใครไปร้องต่อกกต. กกต.จะมีการพิจารณาให้พรรคนั้นๆเเก้ไข หากไม่เเก้ไขข้อบังคับพรรค พรรคนั้นจะโดนยื่นให้พ้นสภาพพรรค หรือยื่นศาลให้พิจารณาการกระทำของหัวหน้าพรรคว่าผิดหรือไม่ได้"
"ข้อบังคับพรรคฉบับใหม่ แม้ประกาศใช้แล้ว หากขัดกฎหมายหลัก นายทะเบียนพรรคการเมืองจะเเจ้งกกต.สั่งให้พรรคนั้นๆเพิกถอนข้อบังคับพรรคฉบับนั้นๆได้" ดร.ณัฎฐ์ กล่าวย้ำ
ดร.ณัฎฐ์ มองว่า การใช้กฎเหล็กเเบบนี้จัดการกลุ่มนายสุชาติ อาจบังคับใช้ไม่ได้ เพราะข้อบังคับพรรคขัดกับกฎหมายหลัก หากพรรคจะใช้ใช้ข้อบังคับพรรคจัดการกับนายสุชาติ หากเทียบข้อบังคับพรรคอื่นๆที่ไม่ทำเเบบนี้ เผลอๆหัวหน้าพรรครทสช. จะโดนก่อน ในคดีที่หัวหน้าพรรคไปดำเนินการแก้ไขการโอนหุ้น การทำแบบนี้ ของ พรรครวมไทยสร้างชาติ คือผลักมิตรเป็นศัตรูที่พรรคอื่นๆไม่ทำกัน
ถือครองหุ้น -ถุงยังชีพติดสติ๊กเกอร์ แก้ข้อกล่าวหานี้อย่างไร
ประเด็นที่สอง กรณีนายพีระพันธุ์ ถูกยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ปมคุณสมบัติรัฐมนตรี และกรณีถุงยังชีพติดสติ๊กเกอร์หัวหน้าพรรครทสช. ดร.ณัฐวุฒิ อธิบายว่า
1. ขออธิบายก่อนว่า การแก้ข้อกล่าวหาไปแก้ต่อป.ป.ช.โดยตรงก็ได้ แต่ถามว่านายพีระพันธุ์ ไปแก้ไขรายการผู้ถือหุ้น ระหว่างถูกตรวจสอบ ถ้าไม่ผิด แล้วคุณจะแก้ไขเพื่ออะไร ถามว่า นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว หรือนิ่งแล้วไปแอบแก้ไข ทั้งนายพีระพันธุ์และภรรยา
2. กรณีที่ไปร้องขอความเป็นธรรม ป.ป.ช. ว่ากระบวนการไต่สวนไม่ชอบเพราะถูกกลั่นแกล้ง ผมว่าเรื่องเหล่านี้ ไม่มีใครกลั่นแกล้งท่านหรอก โดยเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ป.ป.ช.ได้เรียกนายพีระพันธุ์ มารับทราบข้อกล่าวหาครั้งที่สอง โดยก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.ได้ตอบ นายพีระพันธุ์ไปแล้ว ว่า กระบวนการแต่งตั้งคณะอนุกรรรมการไต่สวนนายพีระพันธุ์ เป็นไปโดยชอบด้วยกม.แล้ว ไม่มีการกลั่นแกล้งนายพีระพันธุ์
3. อีกกรณีเห็นได้ชัด เมื่อถูกแจ้งข้อกล่าวหามีผลต่อความสง่างามความเป็นรมต. หมดลง จึงมีผลต่อการปรับครม. ที่สำคัญที่สุด มีคนเรียกร้องทวงพรรครทสช.คืน และมีสส.กลุ่ม หนึ่งนำโดยนายสุชาติ ที่คิดว่าจะไปย้ายไปพรรคโอกาสใหม่
พีระพันธุ์ ไม่สง่างาม เข้าทางนายกฯ เขี่ยพ้นเก้าอี้รมต.
ดร.ณัฐวุฒิ วิเคราะห์สถานการณ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ กำลังส่งผลไปถึงกระแสข่าวการ ปรับครม. โดยเฉพาะกรณีของนายพีระพันธุ์ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ หากพิจารณา ในการบริหารกระทรวงที่ผ่านมาไม่ได้เป็นปัญหา แต่ความเป็นเอกภาพในพรรค และความสง่างามของนายพีระพันธุ์ที่ถูกกล่าวหา กรณีถุงยังชีพ และจากการที่ตนตรวจสอบ ไม่ได้กล่าวหา นายพีระพันธุ์ แต่ตรวจจากเอกสาร กระทรวงพาณิชย์พบว่า นายพีระพันธุ์ ถือครองหุ้นอยู่ พอเป็นข่าว นายพีระพันธุ์ แอบไปแก้ไข
ถามว่า ทั้งสามีภรรยาถ้าไม่ผิดจะไปแก้ไขทำไม ซึ่งถ้าดูจากคำวินิจฉัยศาลรธน. กรณี นายดอน ปรมัตวินัย อดีตรมว.ต่างประเทศ มันคนละเรื่อง แต่กรณีนั้น ภรรยานายดอนโอนภายใน 30 วัน แต่กรณีของนายพีระพันธุ์ ทำประหนึ่งจะโอน แล้วไม่ออกมาชี้แจง อย่างที่บอกว่า นิ่งเพื่ออะไร นิ่งเพื่อแอบแก้ไข แต่สิ่งเหล่านั้นเมื่อเป็นความผิดสำเร็จแล้ว ไม่สามารถพ้นจากความผิดได้
ข้อกล่าวหาพีระพันธ์ุ กระทบชิ่งถึง นายกฯ
นักกฎหมายมหาชนท่านนี้ มองว่า จะมีผลต่อนายกรัฐมนตรี เพราะถ้ารู้แล้ว นายพีระพันธุ์ มีความไม่สง่างาม จากกรณีที่มีเรื่องร้องอยู่ในป.ป.ช. ถ้านายกฯไม่ปรับออกจากครม.จะมีผลในทางคดีว่า เมื่อรู้เรื่องแล้วแต่ไม่แก้ไข นายกฯจะโดนความผิดจริยธรรมร้ายแรงด้วยหรือไม่ ตามรธน.มาตรา 160 อนุ 4 อนุ 5 หรือไม่ ซึ่งมีแรงกระเพื่อมต่อครม. รวมถึง กรณีพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีข่าวล่าสุด 27 สส. รทสช. จะย้าย จะทำให้รทสช.เหลือไม่กี่คน มีผล ให้นายพีระพันธุ์ ไปเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งก็จะมีผล
ฉะนั้น ถ้านายกฯจะปรับหรือไม่ปรับ แต่คุณสมบัติและความไม่สง่างามของ นายพีระพันธุ์ นั้น ในมุมมองของตน ไม่มีผลผูกพัน มองว่า นายกฯคงไม่เอาไว้ แต่อย่างไรก็ดี ล่าสุด นายสนธิญา สวัสดี ไปร้อง อสส. แล้ว กรณีนายกฯกับนายพีระพันธุ์ ซึ่งตรงนี้จะมีผลต่อการปรับครม.
ฟันธง “พีระพันธุ์” ไม่อยู่ในโผครม.แพทองธาร
ดร.ณัฎฐ์ ฟันธง การปรับครม.ที่กำลังจะมาถึง เชื่อว่า นายพีระพันธุ์ จะไม่อยู่ในทำเนียบครม. เพราะหมดความสง่างามเพราะถ้านายกฯยังเอาไว้จะมีผลกระเพื่อมรัฐบาล อีกอย่างรัฐบาลมีกรอบเวลาบริหารประเทศเหลือแค่ 2 ปี ประเด็นว่า ถ้าหิ้วนายพีระพันธุ์ ไปด้วย จะเหนื่อยกลางทาง เพราะสุดท้ายปัญหาจะมาถาโถมรัฐบาล เมื่อสภาพของรทสช.เป็นแบบนี้ จึงเชื่อว่าอาจมีช่องทางคล้าย "รอ.ธรรมนัสโมเดล" ที่ยกคณะพลังประชารัฐไปอยู่พรรคกล้าธรรม ทำให้ พลังประชารัฐที่เหลือเป็นฝ่ายค้าน สถานการณ์ รทสช.จะออกมาไม่ต่างพปชร. คือ ไปเป็นฝ่ายค้าน