”สนธิญา“ ยื่นตรวจสอบข้อบังคับ "รทสช." ไล่สมาชิกขัด รธน.หรือไม่

4 มิถุนายน 2568 ที่ กกต. นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง นำเอกสารจำนวน 580 หน้า อ้างว่าสมบูรณ์ที่สุดและเป็นปัจจุบันที่สุด เพื่อขอให้ กกต. ไต่สวนตรวจสอบข้อเท็จจริงการถือหุ้น และการแก้ไขหุ้น และผู้ถือหุ้น ที่เป็นของภรรยา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน และบุตร ที่อยู่ภายใต้กระบวนการกฎหมาย และการดำรงตำแหน่งของรัฐมนตรี และเกี่ยวกับการสมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อ และมีการลาออกที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และคำวินิจฉัยแห่งศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อ ปี 2543 ซึ่งมีเอกสารทั้งหมด 580 หน้า

นายสนธิญา กล่าวอ้างอิงถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ มีข้อบังคับพรรคมีนาคม 2568 ซึ่งระบุถึงเรื่องการฝักใฝ่ของพรรคการเมือง ซึ่งตามพจนานุกรมไทยหมายถึงการผูกพันธุ์หรือเอาใจใส่ ซึ่งหมายความว่า สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่จะไปฝักใฝ่หรือเอาใจใส่พรรคการเมืองหนึ่งพรรคใด จะเป็นเหตุให้เข้าสู่ข้อบังคับของพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งหมายถึงสิ้นสุดการเป็นสมาชิกของพรรคไทยสร้างชาติ
 

“นายพีระพันธ์ ก็เป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ถามว่าเอาข้อที่ 5(6) เข้าไปบังคับใช้ด้วยหรือไม่   เพราะนายพีระพันธ์ เป็นรองนายกฯ อยู่ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย มีนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีผูกพันหรือไม่ เป็นการเอาใจใส่หรือไม่ เป็นรัฐบาลร่วมกันหรือไม่ และสนับสนุนนโยบายเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ด้วยใช่หรือไม่ และแจกเงินในนโยบายดิจิทัล 10,000 ด้วยหรือไม่ ถ้าอย่างนั้นแสดงว่า อยู่ไหนของข้อบังคับของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่บอกว่าเอาใจใส่"
 

จากนั้น นายสนธิญา ไปที่ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ และหัวหน้าพรรค ที่ออกข้อบังคับพรรค ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 114 ว่าด้วย สส.ตัวแทนปวงชนชาวไทย ที่ไม่อยู่ ในอาณัติ มอบหมาย หรือการครอบงำ ใดๆ อันเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และผลประโยชน์ที่ขัดกัน เพื่อ ป.ป.ช. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยต่อไป

ขณะเดียวกัน นายสนธิญา ได้ยื่นต่อสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินด้วยในช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ข้อบังคับของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ได้กล่าวไปข้างต้นขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งภายใน 60 วันหากยังไม่ตอบมาจะยื่นร้องโดยตรงที่ศาลรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ นายสนธิญา ร้องเรียนต่อนายพีระพันธุ์มี 4 เรื่อง คือ เรื่องการสมัครเป็น สส. บัญชีรายชื่อ และลาออก-กรณีการถือหุ้น 4 บริษัท-การแก้ไขใบบริคณห์สนธิ 4 บริษัท ในวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา-ตรวจสอบการถือหุ้นภรรยา และบุตรของนายพีระพันธุ์