
22 พฤษภาคม 2566 ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ "ดร.ณัฎฐ์" นักกฎหมายมหาชน เปิดเผยผ่านทางรายการ In Side รัฐสภา ตอน "ล้วงลึก กลเกม เหลี่ยมจัดตั้งรัฐบาล" ตอนหนึ่งว่า ขอแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกล ที่ชนะเลือกตั้ง ครองที่นั่งในสภาเสียงข้างมาก 152 เสียง คว้าที่นั่ง อันดับ 1 แต่จะจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ อีกเรื่องหนึ่ง ถือเป็นคนละเรื่องกัน เพราะตัวแปรยังมีหลายด่าน และหลายขั้นตอน
โดยปัญหาส่วนตัวเรื่องคุณสมบัติฯของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในการถือครองหุ้นสื่อ บมจ.ไอทีวี จำกัด และ ปัญหาการแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กระทบต่อความรู้สึกประชาชนทั้งประเทศ เพราะกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยจะเห็นได้จากอาการฝ่าย ส.ว.ที่อยากจะยกมือสนับสนุนให้ นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี เริ่มออกมาต่อต้านการ แก้ไขมาตรา 112 กระแสลุกลามทำให้พลิกขั้วจน นายพิธา ไปไม่ถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนใหม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า ล็อคด้วยข้อกฎหมาย ตัวแปร คือ ส.ว. นั้น การรวบรวม ส.ส.ของการฟอร์มทีมรัฐบาล นายพิธา จะเจอปัญหาบังคับโดยข้อกฎหมาย จำนวน อีก 60 เสียง หากไปรวบรวมจาก ส.ว.ไม่มีหลักประกัน หากรวบรวมจากส.ส. จะเจอกับปัญหายุ่งเหยิงการต่อรองผลประโยชน์ ทำให้รัฐบาลใหม่ขาดเสถียรภาพ โอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้น้อย
ดังนั้น จะเห็นปรากฎการณ์ ตาอยู่คว้าพุงปลาไปกิน ม็อบที่จัดตั้งก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติให้พรรคการเมืองที่คว้าที่นั่งลำดับหนึ่งเป็นรัฐบาล ให้ประชาชนดูว่า พรรคการเมืองใดรวบรวมเสียงได้ ครบ 376 เสียง ทั้ง ส.ส. และ ส.ว.รวมกัน ให้เทียบเคียงฟอร์มทีมรัฐบาล ปี 2562 โดยเฉพาะมาตรา 272 ให้อำนาจ ส.ว.โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ เสียงที่นั่งที่พรรคก้าวไกลรวบรวมได้เพียง 313 เสียง เป็นเพียงความชอบธรรมที่พรรคการเมืองที่คว้าลำดับอื่น ๆ ยินยอมให้จัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่ไม่ได้มีกฎหมายใดห้ามให้พรรคการเมืองที่คว้าที่นั่งลำดับรอง จับขั้วการเมืองฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาล
จึงเร็วเกินไปกว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะนายพิธา จะเจอปัญหาข้อกฎหมาย ในการรวบรวมเสียงให้ครบ 376 เสียง มีอยู่ 2 ช่องทาง คือ รวบรวมเสียงพรรคที่มีอุดมการณ์ตรงกัน หากดูแล้วเสียงไม่เพียงพอ เพราะภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ และพรรคเล็กอื่น ๆ คนละขั้ว คนละอุดมการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะประเด็น ไม่เอามาตรา 112 มาเป็นชนวนสำคัญ
ส่วนอีกช่องทางหนึ่ง นายพิธา จะต้องไปรวบรวมเสียง สว.อีก 60 กว่าเสียง ส.ว.อิสระ แตกแถว ประมาณ 20 กว่าคน รวบรวมอย่างไร ก็ไม่ถึง 376 เสียง ส่วนปม ส.ว.รับกล้วยยกมือโหวตให้แทบจะไม่มีเลย เรียกว่า ไร้หลักประกัน แตกต่างจากพรรคการเมือง เป็นไปตามติพรรค เพราะมาตรา 112 ส.ว.ส่วนใหญ่จะไม่เอาด้วย จะเป็นตัวจุดชนวนสำคัญที่พรรคจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ
โดยที่นัดลงนาม MOU วันนี้ เป็นเพียงชิงจัดตั้งรัฐบาล ให้เทียบดูปี 2562 ไม่ต่างจากพรรคเพื่อไทย เพียงเอาใจมวลชนสนับสนุน สร้างอีเวนต์รายวันเท่านั้น เห็นได้จากโผรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ปล่อยหลุดโดยเจตนาออกมา ทำให้ประชาชนติดตามข่าวสารตื่นเต้นเท่านั้น
ส่วนการจัดม็อบปลุกระดมหน้าอาคารรัฐสภา หรือปลุกระดับทางโซเชียล ยิ่งเติมเชื้อไฟ ให้ ส.ว.ย่อมพิจารณาถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ให้เทียบเคียงการเลือกตั้ง ปี 2562 เพื่อไทย คว้าเสียงข้างมาก แต่จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ สุดท้ายหงายไพ่ใบสุดท้าย สนับสนุน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ขณะนั้น เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นคู่แข่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
อีกประการหนึ่ง กรณีซุกหุ้นสื่อไว้ มีมือดีแอบส่งข้อมูลให้นายเรืองไกร เรียกว่า ถูกวางงาน นายพิธา เจอปัญหาหุ้นสื่อพ่นพิษ มีผลล้มทั้งกระดาน คือ มีผลย้อนหลังถึงวันสมัครครั้งแรกในปี 2562 จะถูกเรียกเงินเดือนและเครื่องราชย์คืน ให้เทียบเคียงกับ นายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ทำให้นายพิธา ขาดคุณสมบัติ ตามมาตรา 89(2) ประกอบมาตรา 98(3) และมาตรา 160(6) ทำให้ขาดคุณสมบัติ เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งเป็นปัญหาความชอบด้วยกฎหมายที่ว่า ลงนามในใบส่ง ผู้สมัคร ส.ส.ทั้งสองระบบ ผลทางกฎหมายอาจเป็นโมฆะ สูญเปล่า ล้มกระดานทั้งหมด