
31 มกราคม 2568 นายชัชนัย ปานเพชร ได้ยื่นหนังสือต่อ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษสำเนาถึง ผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่อง ขอให้ตรวจสอบ นายเจษฎ์ โทณะวณิก กรณีพูดในที่สาธารณะวันที่ 21 มกราคม 2568 ว่า อาจเข้าข่ายลักษณะการ “ยุยง ปลุกปั่น” กระทําให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือ วิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทําภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้อง
หากพบการกระทำความผิด ขอให้กรมสอสวนคดีพิเศษดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ในฐานะปวงชนชาวไทยอยู่ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 และภายใต้ประมวลกฎหมายอาญา พบเห็นการกระทำที่ อาจเข้าข่ายลักษณะเป็นการ “ยุยง ปลุกปั่น” กระทําให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือ วิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทําภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และขัดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560
ทั้งนี้ หนังสื่อที่ยื่น ระบุถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 นายเจษฎ์ โทณะวณิก ได้พูดในที่สาธารณะโดยมีเจตนาเผยแพร่สู่สาธารณชน โดยมีข้อความ สำคัญ จากถ้อยคำปราศรัยที่ปรากฏสู่สาธารณชนนั้น เป็นการด่า ปรามาส ใช้ถ้อยคำรุนแรง จาบจ้วง ว่าการปกครองในระบอบประชาธิปไตยในปัจจุบัน และมีการยุยง ปลุกปั่น ปลุกระดมให้ประชาชนยกเลิกการปกครองในระบอบประชาธิปไตย มุ่งเน้นให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง อันเป็นการกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม
การกระทำดังกล่าว อาจเข้าข่ายลักษณะการ “ยุยง ปลุกปั่น” กระทําให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือ วิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทําภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือ มิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือ ติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน หรือ รัฐบาล เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อ ความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116
หนังสือฉบับนี้ เพื่อปกป้องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข และเพื่อความสงบเรียบร้อยของแผ่นดิน ข้าพเจ้า ในฐานะปวงชนชาวไทยที่อยู่ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 และภายใต้ประมวลกฎหมายอาญา
ขอให้ท่านได้โปรดตรวจสอบ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก กรณีพูดในที่สาธารณะวันที่ 21 มกราคม 2568 ว่า เข้าข่ายลักษณะการ “ยุยง ปลุกปั่น” กระทําให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือ วิธีอื่นใดอัน มิใช่เป็นการกระทําภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และฐานความผิดใดที่เกี่ยวข้อง หรือไม่ อย่างไร และหากปรากฏว่ามีการกระทำความผิด ขอให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่สืบสวน สอบสวน ตามอำนาจหน้าที่เป็นการเร่งด่วนด้วย
ทั้งนี้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ได้บัญญัติเอาไว้ว่า ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต
นายชัชนัย ปานเพชร ได้ฝากคำถามไปถึง นายเจษฎ์ โทณะวณิก ว่า "ขออนุญาต ถามนายเจษฎ์ โทณะวณิก ผู้ได้ชื่อเป็นครู บา อาจารย์ ผู้พร่ำสอนวิชากฎหมาย ว่า ประชาธิปไตยมันชั่วอย่างไร คิดไปเอง หรือ ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับนายเจษฎ์ ที่เชิญชวนประชาชนให้ล้มเลิกประชาธิปไตย นั้น ล้มเลิกอย่างไร แล้ว ถ้าไม่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยแล้ว นายเจษฎ์ โทณะวณิก จะให้ปกครองด้วยระบอบใด ถ้ามีอาจารย์สอนกฎหมายที่ ยุยง ส่งเสริม ให้ ล้มเลิกการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข อย่างนี้เรียกว่าเป็นความชั่วส่วนบุคคล หรือไม่ อย่างไร ควรจะจัดการเช่นไรกับพวกนี้ดี"
ด้าน รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก กล่าวในฐานะนักกฎหมายว่า คดีที่มีผู้ไปกล่าวโทษตนนั้น ได้ทราบจากข่าวทางสื่อมวลชนแล้ว หลังจากนี้ขึ้นกับดุลยพินิจของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ว่า จะมองว่าการกระทำของตน คำพูดของตน เข้าข่ายประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 หรือไม่ คงไม่เหมาะที่ตนจะแสดงความคิดเห็นใดๆ ในช่วงนี้