svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ก้าวไกล" รุมสับ "บิ๊กทิน" ปมกองทัพย้ำเลิกเล่นปาหี่

04 เมษายน 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ก่อนปิดฉากอภิปรายทั่วไป! "ก้าวไกล" รุมสับ "สุทิน" ปมกองทัพทั้งการตัดงบเรือฟริเกต-จัดซื้ออาวุธไม่จำเป็น ลดจำนวนนายพล แถมดำเนินนโยบายตามรอย "พล.อ.ประยุทธ์" ย้ำประชาชนกินข้าว ขอให้เลิกเล่นปาหี่ ด้าน รมว.กลาโม ขอพรรคส้มอย่าสับขาหลอก

4 เมษายน 2567 ถือเป็นวันสุดท้ายของการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ที่ฝ่ายค้านขอใช้เป็นเวทีเพื่อเปิดแผลรัฐบาลก่อนนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือ "ซักฟอก" 

ซึ่ง "NationSTORY" ได้เกาะติดบรรยากาศตลอดทั้งวันของการอภิปราย โดยที่ประเด็นที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงของวันนี้ (4เม.ย.) คือ การปฏิรูปกองทัพของรัฐบาล

โดย "นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายย้ำว่า การปฏิรูปกองทัพ จะทำให้กองทัพมีความโปร่งใส ประชาชนมีความเชื่อใจในภารกิจทหาร และการปฏิรูปกองทัพ ไม่ใช่การทำลายกองทัพ หรือด้อยค่ากองทัพ ตามที่ "นายสุทิน คลังแสง" รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ แต่เป็นการทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับประชาชนดีขึ้น

 

"หากไม่ดำเนินการจริงจัง ทุกการกระทำของกองทัพ ประชาชนจะตั้งแง่คิดทางลบ หากกองทัพฝืนดำเนินการ ฝืนซื้ออาวุธ โดยไม่สนใจเสียงประชาชน ก็จะทำให้ภาพลักษณ์กองทัพตกต่ำลง และมีกลุ่มก้อนการเมือง ฉวยอคติประชาชนไปตบทรัพย์งบประมาณของกองทัพ" นายวิโรจน์ กล่าว

 

ขณะเดียวกัน ตนมีสายข่าวในกองทัพเรือ ถึงการจัดซื้อเรือฟริเกต วงเงิน 1,700 ล้านบาท มีคนของรัฐบาลพยายามต่อสายจะคุยกับกองทัพเรือด้วย แต่กองทัพปฏิเสธและยอมถูกตัดงบ เหลือ 850 ล้านบาท แต่สุดท้ายกองทัพเรือกลับถูกตัดงบประมาณดังกล่าว แม้กองทัพเรือจะขออุทธรณ์ กรรมาธิการงบประมาณ ก็ยังตัดงบ 

นอกจากนี้ ในอีก 2 ปี เรือฟริเกตไทยต้องจะต้องปลดระวางลงอีก 1 ลำ ทำให้เหลือเพียง 3 ลำ อาจทำให้ไม่เพียงพอ ทั้งที่มีความจำเป็น เพราะจะต้องคุ้มครองเส้นทางคมนาคมทางเรือ คุ้มกันเรือน้ำมัน และเรือสินค้า รวมถึงลาดตระเวนแท่นขุดเจาะน้ำมัน
 

อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าการจัดซื้อเรือฟริเกตลำนี้ จะเป็นการต่อเรือรบขนาดใหญ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย และได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีอุตสาหกรรมต่อเรือในประเทศ เกิดการจ้างงาน และซื้อวัสดุในประเทศมหาศาล ดังนั้น การตัดงบประมาณครั้งนี้ จึงเป็นการตัดโอกาสประเทศ และอาจจะต้องรอถึงปี 2569 กองทัพเรือ ถึงจะสามารถของบประมาณใหม่ได้ 

นายวิโรจน์ ยังได้เปิดคลิปงานสัมมนาทิศทางอุตสาหกรรมเพื่อความมั่นคง ที่นายสุทิน ระบุขอให้สภากลาโหม จัดซื้อยุทโธปกรณ์ในประเทศ หรือหากซื้อไม่ได้ ก็ขอให้มีเงื่อนไขในการซื้อชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ หรือถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ด้วย

 

"นายสุทิน เป็นรัฐมนตรีกลาโหม มีอำนาจสั่งการ แต่กลับขอกองทัพ จึงทำให้รู้สึกสิ้นหวัง และยืนยันได้ว่าหากนายสุทิน เป็นรัฐมนตรีอยู่ จะทำให้ธุรกิจอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ มีแต่ความมืดมน" นายวิโรจน์ กล่าว 


ขณะเดียกัน การลดจำนวนนายพล ที่รัฐบาลหลอกประชาชน ที่ประกาศในปี 2570 จะลดลงร้อยละ 50 ซึ่งเป็นนายพลที่ไม่มีหน้าที่ที่ชัดเจน โดยตั้งข้อสังเกตว่า จำนวนนายพลที่ไม่มีความจำเป็น ควรเป็นศูนย์ ซึ่งเห็นว่า นายสุทิน ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใด ๆ เพราะจำนวนนายพล จะลดลงอยู่แล้ว

 

"ที่ผ่านโรงเรียนเตรียมทหาร รับจำนวนนักเรียนเตรียมทหารลดลง 150 คน ตั้งแต่รุ่นผู้บัญชาการเหล่าทัพชุดปัจจุบัน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จึงถือเป็นการตบตาประชาชน ฉกฉวยโอกาสการลดจำนวนนักเรียนเตรียมทหารที่รับเข้าน้อยลงมาอ้างผลงาน" นายวิโรจน์ ระบุ

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า เช่นเดียวกับโครงการเออรี่รีไทร์ ที่ดำเนินการมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" และงบประมาณบุคลากรของกองทัพ ก็ไม่ได้ลดลง 

ส่วนที่ดินราชพัสดุ 12 ล้านไร่ของกองทัพนั้น กองทัพบกครอบครอง ถึง 4,500,000 ไร่ กองทัพอากาศ-กองทัพเรือ รวมกัน 1,750,000 ไร่ รวมถึงยังมีที่ดินรกร้าง ทั้งที่เกษตรกรยังขาดแคลนที่ดินทำกิน

ทั้งนี้ แต่ที่ดินกองทัพบางส่วนถูกนำไปใช้ทำสวัสดิการธุรกิจ ทั้งสนามกอล์ฟ สถานพักตากอาหาศ และสนามมวย โดยขาดความโปร่งใส ไม่ชี้แจงการจ่ายค่าเช่าให้กับกรมธนารักษ์ และมีการทำบัญชีถูกต้องหรือไม่ และที่ผ่านมา รายงานกำไรเพียงเล็กน้อยทุกเหล่าทัพ เพียง 70 ล้านเท่านั้น

ขณะเดียวกัน เห็นว่ารัฐบาลควรนำที่ดินที่เกินจำเป็นของกองทัพ คืนแก่รัฐบาล เพื่อนำไปแบ่งสรรให้ท้องถิ่น สร้างสาธารณูปโภคที่จำเป็น เพื่อให้เกิดความเจริญ และเศรษฐกิจชุมชน 

สำหรับการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของเหล่าทัพ ที่เหตุใดไม่ซื้ออาวุธ กับผู้ประกอบการในประเทศ ซึ่งมีที่ตั้งเป็นหลักแหล่ง มีอะไหล่สำรอง และมีวิศวกรซ่อมแซม แต่กลับจัดซื้อกับโบรคเกอร์ ที่อ้างเป็น SMEs และใช้ช่องว่างทางกฎหมาย ล็อบบี้ เคลียร์เงินทอน ยกเว้นภาษี และนำอาวุธจากต่างประเทศ มาขายให้กับกองทัพ เมื่อชำรุดก็ต้องรออะไหล่นาน หรือปิดบริษัททิ้ง 

นายวิโรจน์ ยังเห็นว่า นโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลในการบริหารกองทัพ ไม่ได้มีนโยบายใดใหม่ แต่เป็นนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จึงขอถามนายสุทิน กล้ามองหน้ากองทัพเรือ ที่ยึดหลักและรายละเอียด เพื่อให้เกิดการอุตสาหกรรมการต่อเรือในประเทศไทยหรือไม่

 

"ขอให้นายสุทิน หยุดเล่นละครการพัฒนาร่วมกัน เพราะละครเช่นนี้ จะไม่สามารถหวังได้คะแนนเลือกตั้งได้อีกแล้ว เพราะประชาชนกินข้าว ไม่ได้กินช็อกมินต์" นายวิโรจน์ ระบุ 


ขณะที่ "นายชยพล สะท้อนดี" สส.กรุงเทพ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงพื้นที่กองทัพบก จำนวน 4.5 ล้านไร่ ซึ่งมีเกินความจำเป็น และควรนำไปทำอะไรให้สมเหตุผล ที่ผ่านมา "นายเศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง สั่งการนโยบายวันที่ 25 ธ.ค. 2566 ให้กองทัพมอบที่ดินให้ประชาชน 9,276 ไร่ เป็นของขวัญให้ประชาชน ในโครงการหนองวัวซอโมเดล จ.อุดรธานี

 

"ดูแล้วน่าดีใจที่ชาวบ้านจะได้ที่ดิน แต่ปราฏว่าเป็นสัญญาเช่า ทำให้ชาวบ้านไม่เอาด้วย เพราะชาวบ้านยืนยืนว่า ไม่ใช่ผู้บุกรุกที่ดิน เนื่องจากอยู่มาก่อนตั้งแต่ปี 2476 ก่อนที่ทหารจะมาขอแบ่งที่ดินไปทำสนามยิงปืน จากนั้นก็เคลมที่ดินทั้งหมดเป็นของตัวเอง ลำบากชาวบ้านต้องมาพิสูจน์สิทธิที่ดิน เป็นข้อพิพาทกันมาตลอด ดังนั้น กรณีหนองวัวซอโมเดล หากชาวบ้านยินยอมเซ็นเช่าที่ดินเท่ากับยอมรับเป็นผู้บุกรุกที่ดิน ขอให้ไปตรวจสอบสิทธิที่ดินให้ชาวบ้านก่อน" นายชยพล ระบุ

 

นอกจากนี้ กรณีที่ดินวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ตั้งแต่ปี 2496 ก็มีการแบ่งพื้นที่ระหว่างสนามซ้อมยิงปืนของกองทัพกับที่ดินชาวบ้านอย่างชัดเจน แต่ตอนหลังกองทัพมาขอเคลมพื้นที่เอาที่ดินชาวบ้านไปหมด แต่ยังบอกว่าใจดีจัดสรรที่ดิน 500 ไร่ ให้ประชาชนทำมาหากิน ซึ่งที่ดินเหล่านี้เป็นของชาวบ้านมาก่อน เอาสิทธิอะไรไปให้ ทั้งที่ไม่ใช่ที่กองทัพ สรุปนี่คือ "แซนต้า" หรือ "ตีนแมว" อย่าเอาเร่งทำโครงการเพื่อการโฆษณา 

ขณะเดียวกัน ยังมีโครงการสร้างหน่วยต่อสู้อากาศยานและรักษาชายฝั่ง จ.ภูเก็ต วงเงิน 721ล้านบาท ของกองทัพเรือ แต่รายละเอียดโครงการเกินครึ่งเป็นการก่อสร้างบ้านพัก และสาธารณูปโภค ที่น่าสงสัยคือไปทำในพื้นที่ป่าสงวนบางขนุน โดยอาศัยจังหวะช่วงการเปลี่ยนระเบียบคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ปี 2565 ที่ระบุการขอใช้พื้นที่ป่าสงวน จากที่ต้องขอความเห็นชอบจากสภาท้องถิ่น เป็นแจ้งเพื่อทราบเท่านั้น เพื่อฮุบที่เป็นของกองทัพเรือ

 

"นี่คือการอ้างความมั่นคงเพื่อสร้างบ้านพักในป่าสงวนตากอากาศเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้พวกพ้องตัวเอง สะท้อนภาพทหารครองเมืองชัดเจน และยังมีกรณีกองทัพเรือได้รับสัมปทานทำเหมืองหิน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ปี2556 จากกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งที่ตามกฎหมายแล้ว กองทัพเรือไม่สามารถทำกิจกรรมประเภทโรงงานได้ ไม่รู้อนุญาตให้ทำได้อย่างไร ทราบว่าเป็นสมัยรัฐบาลยุคยิ่งลักษณ์ ช่วยฟันรายได้ 200 ล้านบาท จากโครงการนี้" นายชยพล ระบุ

 

อย่างไรก็ตาม แต่ด้วยที่มีความผิดชัดเจน สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จึงชี้ว่า กองทัพเรือไม่สามารถดำเนินกิจการแข่งกับเอกชนได้ จึงถูกระงับกิจการและสั่งฟื้นฟูพื้นที่กลับสู่สภาพเดิม แต่จนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ขณะเดียวกั นยังมีการทำกิจการไฟฟ้าที่ ต.แสมสาร ของกองทัพเรืออีก อ้างว่าเป็นพื้นที่ความมั่นคง แต่มาตรการให้บริการก็เกิดไฟดับบ่อยมาก อ้างความมั่นคงแต่เป็นความมั่งคั่งของตัวเอง

 

"แม้ชาวแสมสารจะไปยื่นหนังสือให้นายกฯช่วยเหลือ วันที่ 5 พ.ย. 2566 นายกฯ ก็เรียกกองทัพเรือมาหารือ ถ่ายรูปโฆษณาใหญ่โต แต่ปรากฏว่า อีก 1 สัปดาห์ต่อมา กองทัพเรือไปปักป้ายไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ ตกลงนายกฯไปคุยอะไรกับกองทัพเรือ" สส.กรุงเทพ พรรคก้าวไกล ระบุ 

 

นายชยพล กล่าวอีกว่า กองทัพเรือได้โครงการทำรันเวย์ที่ 2 กับเทอร์มินอลใหม่ของสนามบินอู่ตะเภา ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย และยังได้เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องระบบไฟฟ้า ประปา ระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบจัดการขยะ ระบบจัดการเชื้อเพลิง ของเมืองมหานครการบิน 6,500 ไร่

 

"ล่าสุดทราบว่า รัฐบาลก็เล็ง ๆ จะก่อสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีบ่อนกาสิโน มาอยู่ในแหล่งกองทัพเรือ บริเวณโซนนี้ รัฐบาลชุดนี้เข้าขากันดีกับกองทัพ รัฐบาลนี้ โดยคู่หูดูโอ้ "ทินและฐา" ต้องเลิกทำโครงการแบบฉาบฉวย เพื่อคอนเทนต์โฆษณา เอาประชาชนเป็นเหยื่อการตลาด ขณะนี้ธุรกิจกองทัพมีมากมาย ก็ไม่รู้เมื่อไรจะเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ คงมีแต่คงแย่งกันช้อนเพราะมั่นคงอย่างมั่งคั่ง" นายชยพล กล่าว

 

หลังจากนายชยพลอภิปรายเสร็จ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ในฐานะประธานที่ประชุม ได้ขอให้นายชยพล ถอนคำพูดคำว่า "ฉิบหาย"  

ต่อจากนั้น "นายวราวุธ ศิลปะอาชา" รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะอดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้ลุกชี้แจงว่า พื้นที่จ.ภูเก็ต ช่วงนั้นเป็นช่วงคลี่คลายจากสถานการณ์โควิด-19 เป็นที่หมายตามาก จึงมีความพยายามรุกป่า ทางกระทรวงทรัพย์ฯ ได้ขอให้กองทัพเรือเข้ามาปกป้อง ขณะเดียวกัน ก็ต้องทำควบคู่ไปกับการพัฒนา ซึ่งประกอบกับองค์กรส่วนท้องถิ่นก็ขอใช้พื้นที่ ดังนั้น การจะพูดว่าเป็นความผิดกองทัพคงไม่ถูก ยืนยันว่าไม่ได้หลับหูหลับตา แต่เป็นการปกป้อง

ถัดมา "นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์" สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ได้เริ่มต้นอภิปรายเชิงเหน็บแนมว่า ตนมาหา "ปาหี่" เป็นปลาชนิดหนึ่ง พบเจอได้แถวอ่าวไทย 19 ไมล์ทะเล ที่ความลึก 40 เมตร จุดเดียวกันกับเรือสุโขทัยอับปาง การจะจับไม่ได้ง่าย ถ้าจะจับต้องจับที่สภา

ทั้งนี้ ตนได้อภิปรายเตือนนายสุทินไปแล้ว 2 ครั้ง แต่เรื่องการตรวจสอบสาเหตุเรือหลวงสุโขทัยล่มก็ไม่ได้คืบหน้าขึ้น ซึ่งประชาชนไม่ได้สนุกด้วย ความคืบหน้าล่าสุด คือ มีกองทัพอเมริกาเข้ามาช่วยปลดอาวุธเพื่อไม่ให้ความลับรั่วไหล ตามข้อตกลงในสัญญาซื้อขาย ซึ่งมีกองทัพเรือดำน้ำเข้าไปด้วย เพื่อถ่ายภาพเป็นหลักฐานประกอบการสอบสวนหาสาเหตุ

 

"ผมก็อยากเห็นปาหี่ หน้าตาเป็นยังไง จะเอาขึ้นมาซักตัวหรือไม่ จนกระทั่งจบภารกิจ 19 วัน ไม่เอาขึ้นมาสักตัวเลย ท่าน ผบ.กองเรือยุทธการ ก็ทั้งโต๊ะแถลงผลงานต่อสื่อมวลชนกลางทะเล ไม่รู้ว่าจะเรียกปาหี่หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ผมเจอแล้ว ปาหี่ตัวเบ้อเริ่ม ซ่อนอยู่ในคำแถลงของท่าน" นายจิรัฏฐ์ กล่าว

 

นอกจากนี้ ยังตั้งคำถามว่า ทำไมเรือรบบรรจุน้ำมันได้เป็นแสนลิตรล่ม แต่ไม่มีน้ำมันรั่วไหล นอกจากนี้ ผลการเก็บกู้วัตถุพยานต่างๆ พบว่าไม่มีประโยชน์ มีเสื้อชูชีพที่ไม่รู้จะเอาขึ้นมาทำไม ขณะที่ภารกิจดำน้ำลงไปเอาสิ่งของมาทำเป็นอนุสรณ์สถาน เช่น ป้ายชื่อ ระฆังเรือ ธงผืนใหญ่ เอามาได้ครบเซ็ต ซึ่งนำมาใช้ประโยชน์ไม่ได้

 

"ในการแถลงของ ผบ.กองเรือยุทธการ บอกว่าถ่ายภาพครบถ้วน 58 จุด โดยย้ำว่าไม่จำเป็นต้องกู้เรือขึ้นมา คำถาม คือ ทำไมก่อนหน้านี้ถึงสรุปไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้ภาพมาหมดแล้ว" นายจิรัฏฐ์ กล่าว

 

ขณะเดียวกัน ได้ย้อนคำสัมภาษณ์ของกองทัพเรือ เมื่อเดือน ก.พ. 2566 ที่มีนักข่าวไปถามโฆษกกองทัพเรือว่า ได้ภาพถ่ายเรือแล้วจะต้องกู้เรือให้เปลืองงบอีกหรือไม่ ซึ่งตอนนั้นโฆษกกองทัพเรือตอบว่า เหลือเรืออยู่ฝังในดินลึก 1 เมตร ได้ภาพถ่ายใต้น้ำ ซึ่งยังมองไม่ชัด ต้องกู้เรือก่อนถึงจะสรุปได้ แล้ววันนี้ได้ดำดินลงไปถ่ายใต้ท้องเรือหรือไม่ทำไมวันนั้นสรุปไม่ได้ แต่วันนี้กลับสรุปได้ 

 

อย่างไรก็ดี ทุกคนรู้แล้วว่าจะไม่กู้ตั้งแต่แรก ไม่เช่นนั้นคงไม่ต้องรอถึง 15 เดือน ขอให้ทำให้เนียน อย่าให้ประเจิดประเจ้อ คนเขาจะหาว่าเล่นปาหี่ ที่ผ่านมากองทัพเรือระบุว่า ไม่มีบริษัทไหนผ่านคุณสมบัติในการประมูลกู้เรือ แต่หากไปดูตามเอกสาร มีถึง 4 บริษัทที่มีคุณสมบัติครบ ตามเอกสารราชการ

 

นอกจากนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวไปถามนายสุทิน กลับอ้างข้อตกลงของอเมริกา ซึ่งกองทัพเรือฝืนมา 14 เดือนแล้ว ไปเปิดประมูลเอง โดยไม่แจ้งอเมริกาก่อน ทำให้ทางอเมริกาต้องส่งจดหมายเตือน แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับจากทางการไทย

อย่างไรก็ตาม ย้ำว่า เล่นปาหี่กันแล้ว พอช่วงฤดูงบประมาณ ก็มาของบ บอกว่างบไม่พอใช้ทุกปี กรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงท่านสอบปากคำผู้รอดชีวิตแล้วทุกคนหรือไม่ ไม่รู้บ้างหรือว่าบางคนเอาชีวิตรอดมาได้ โดยการเกาะศพเพื่อน 3-4 ชั่วโมงกลางทะเล เพื่อรอคนมาช่วย เนื่องจากเพื่อนสวมเสื้อชูชีพอยู่

 

"บางคนเห็นเพื่อนรักตัวเองแขนขาด น้ำลายฟูมปาก เสียชีวิตต่อหน้าต่อตา ก็ทำอะไรไม่ได้ บางคนยอมปล่อยมือ ผลักเพื่อนรักตัวเอง เพื่อจะเอาชีวิตรอด บางคนอยู่ในจุดที่ปลอดภัยแล้ว ยังดึงดันกลับไปช่วยคนอื่น หลายคนเป็นทหารจับใบแดงมา เพิ่งได้มาอยู่ชายฝั่ง กลับถูกสั่งขึ้นเรือกะทันหัน และเป็นการขึ้นเรือครั้งแรกของเขา โดยไม่รู้ว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต พวกท่านจะกล้าเล่นปาหี่บนความตายหรือ" นายจิรัฏฐ์ กล่าว

 

นายจิรัฏฐ์ ระบุว่า ถ้าถามว่าทำไมกองทัพเรือถึงไม่พยายามหาข้อพิสูจน์ ตนเชื่อว่าทุกคนตอบได้ จึงอยากถามนายสุทินก่อน ที่จะมีการแถลง เลิกอ้างการซ้อมรบ เพราะการออกเรือครั้งนี้ เป็นการไปงานเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรอย่างเดียวเท่านั้น นี่เป็นความรับผิดชอบของกองเรือยุทธการในการเตรียมความพร้อม 

ขณะเดียวกัน ยังเล่าถึงเหตุการณ์ในวันดังกล่าว ก่อนจะตั้งคำถามถึงการช่วยชีวิต การปฏิบัติหน้าที่ และการสั่งการทั้งที่เรือเอียงเกิน 40 องศา พร้อมวินิจฉัยว่าการล่มของเรือมาจาก 2 สาเหตุ คือ มีการซ่อมแซมเรือก่อนออกไปด้วย ดังนั้น กรมอู่ทหารเรือต้องตอบคำถามในเรื่องนี้ และมีการเติมน้ำมันน้อยไป ทำให้เรือโคลงเคลง กองเรือภาคที่ 1 กรมอู่ทหารเรือ ต้องตอบคำถามให้ได้ เหตุการณ์นี้เป็นเรือรบลำแรกของโลกที่ล่มเพราะเจอคลื่น และทำไมผู้การเรือสุโขทัย ยกเลิกการเข้าอ่าวบางสะพาน มีไอ้โม่งคนไหน ถ้าไม่ใช่คำสั่งคนใหญ่โตจะเป็นใคร ที่ทำได้โดยไม่มีบันทึกสั่งการ

 

"ผมคิดว่าไม่ได้หายากด้วย มองว่าเป็นการปล่อยปละละเลยไม่ได้ห่วงชีวิตคนอื่น เราเคยหวังว่าจะได้ความจริงจากผู้รอดชีวิต เริ่มมีคนไปสัมภาษณ์ผู้รอดชีวิต พอเขาตอบว่าไม่มีเสื้อชูชีพเท่านั้น หลังจากนั้นก็โดนสั่งปิดปาก หายตัวไปตลอดกาล ไม่มีใครได้เจอผู้รอดชีวิตอีกเลย 76 คน เราเคยหวังครับว่าจะพึ่งการกู้ซากเรือ เศษเหล็กมันไม่ตอแหล แต่มันก็ไม่ขึ้นมาจากน้ำ เราก็เคยหวังว่าจะได้เห็นศักดิ์ศรีของลูกประดู่ แต่ก็ไม่เกิดขึ้น หันไปถามนายกฯ ได้ไหม ท่านสุทิน ว่าทำอย่างไร บิ๊ก ต. บิ๊ก จ. ในเมื่อห่วงว่าจะมายุ่งกระบวนการสอบสวน ท่านก็เด้งเขาไม่ใช่หรือ ท่านก็ทำแบบนี้ได้ เพราะ ตร. กับ ทร. ก็คงไม่ได้ต่างกัน ท่านเหยียบเรือ 2 แคมไม่ได้ ต้องเลือกระหว่างผู้มีอำนาจกับดวงวิญญาณผู้เสียชีวิต" นายจิรัฏฐ์ กล่าว



ด้าน "นายสุทิน" ได้ชี้แจงถึงการตัดลดงบประมาณเรือฟริเกตของ กมธ.งบประมาณ ที่นายวิโรจน์อภิปรายถึง โดยยอมรับว่า ในการตั้งงบอาวุธจัดซื้อเรือฟริเกตของรัฐบาลนั้น หนักใจที่สุด เพราะกลัวพรรคก้าวไกล ที่ด่ามาทุกปี จึงตัดงบประมาณดังกล่าว และในปีต่อไปจะมียุทธศาสตร์การจัดซื้อไม่ให้ซ้ำซ้อน และไม่ให้เงินค้างท่อ แต่กลายเป็นว่า รัฐบาลแทงม้าผิดตัว หลงมุม เพราะพรรคก้าวไกลกลับสนับสนุน

 

"หากพรรคก้าวไกลสับขาหลอกได้ ผมเองก็สับขาหลอกเป็นเช่นกัน ในปีหน้าหากรัฐบาลให้งบประมาณแก่กองทัพเรือจัดซื้อเรือฟริเกต ก็ขอฝ่ายค้านอย่าบ่น หรือตำหนิรัฐบาลอีก พร้อมขอให้ฝ่ายค้าน จำคำของตัวเองไว้ให้ดี ที่เชียร์ให้ซื้อเรือฟริเกต หรือหากรัฐบาลอนุมัติให้ 2 ลำ ก็ขอฝ่ายค้านอย่าบ่นอีก และหากซื้ออาวุธอย่างอื่นอีก ก็ขออย่ามาด่ากัน" รมว.กลาโหม กล่าว 

 

นายสุทิน ยังยืนยันด้วยว่า การสั่งการของตน ที่มีการ "ขอ" นั้น ตนไม่ได้ขอแบบหน่อมแน๊ม แต่เพราะคนก้าวร้าว จะไม่เคยเห็นคุณค่าขอความนุ่มนวล เพราะคำว่าขอของตนเองนั้น คือการสั่งการ และชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องไปคำรามใส่กองทัพ  

ขณธเดียวกัน ยอมรับถึงปัญหาภายในกองทัพ โดยเฉพาะโครงสร้าง และไม่ปฏิเสธว่า นโยบายกองทัพของรัฐบาล ไม่ใช่เป็นการคิดใหม่ แต่เป็นการทำต่อจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเมื่อตนรับตำแหน่ง รมว.กลาโหม แล้ว ก็ได้พบว่า กองทัพก็มีการปฏิรูปกองทัพตัวเองเช่นเดียวกัน ตนจึงใช้ไม้อ่อน ให้คนในได้ปฏิรูปกันเอง

 

"เพราะการปฏิรูป กับการปฏิวัติต่างกัน เพราะถ้าปฏิวัติ คือ ฉับพลันทันด่วน ไม่ต้องมีส่วนร่วม แต่ปฏิรูป คือ ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ ซึ่งถ้าผมเป็นเด็ก มีอายุเท่านายวิโรจน์ ผมก็จะใช้วิธีการปฏิวัติ แต่เมื่อผ่านมาหลายเรื่อง จึงคิดว่า การร่วมคิด ร่วมทำ ดีที่สุด" นายสุทิน กล่าว 

 

นอกจากนี้ ได้ตั้งคณะทำงาน 10 ชุด มาแก้ปัญหาในกองทัพ เช่น การเลือกทหารกองประจำการ การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร การดำเนินการด้านสวัสดิการกำลังพล การแก้ไขร่างกฎหมายความมั่นคง การศึกษาแนวทางที่เหมาะสมกับการจัดหาเรือดำน้ำ 

ส่วนการอภิปรายของนายวิโรจน์ว่า ไปโฆษณาจะอภิปรายแบบคุณภาพคับแก้ว แต่พอเอาเข้าจริง กลับเป็นเรื่องเก่า เรื่องเดิม ที่เคยพูด และตนเคยตอบไปแล้ว และ 90% เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่นายวิโรจน์ กลับอภิปรายให้ชาวบ้านเข้าใจว่า ปัญหาเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้

 

logoline