3 เมษายน 2567 ถือเป็นวันแรกในการเปิดศึกอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 โดยก่อนเริ่มการอภิปรายทั่วไป ได้มีการประชุม 3 ฝ่ายช่วงเช้า เพื่อแบ่งเวลาการอภิปรายใหม่ หลังจากที่ฝ่ายรัฐบาลเรียกร้องให้เจียดเวลาในส่วนของฝ่ายค้าน มาให้กับนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย ได้ชี้แจงอย่างเต็มที่
ก่อนจะมีบทสรุปให้มีเพิ่มเวลาให้กับรัฐบาล จาก 6 ชม. เป็น 10 ชม. ตามที่รัฐบาลเรียกร้อง แต่ไม่ได้มีการปรับลดในส่วนฝ่ายค้าน ซึ่งยังคงไว้ตามเดิม 22 ชม. ทำให้การอภิปรายวันนี้ซึ่งเป็นวันแรกจะเสร็จในเวลา 02.00 น.
เมื่อเข้าสู่การประชุมประเด็นที่ฝ่ายค้านหยิบยกการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปากท้อง โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่ง "NationSTORY" จะรวบรวมบรรยากาศการอภิปรายทั่วไปวันแรกเป็นอย่างไร
โดยพรรคก้าวไกลได้จัดขุนพล อย่าง "น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล" สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค มือเศรษฐกิจมาอภิปรายประเด็นนี้ ว่า แม้ล่าสุดมีความคืบหน้า เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายละเอียดเป็นครั้งที่ 5 จนสร้างความสับสน และไม่แน่ใจว่าจะมีครั้งที่ 6 หรือไม่
ทั้งนี้ โดยเฉพาะแหล่งที่มาของเงินซึ่งการพูดตอนเลือกตั้งจะใช้งบปี 67 แต่ปรากฎว่างบปี 67 ไม่พอ จึงจะไปกู้ธนาคารออมสิน แต่ขัดพ.ร.บ.ออมสินในเรื่องวัตถุประสงค์ การออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน ที่ถูกท้วงติงจากป.ป.ช.
"จนกระทั่งครั้งล่าสุดที่มีการระบุ 3 แหล่งที่มา ทั้งการใช้งบปี 67 การแบ่งงบปี 68 จำนวน 1.5 แสนล้าน และการกู้จาก ธกส. ซึ่งถือเป็นวิธีที่พิสดารและยังไม่มีความชัดเจน ว่าจะมีการบังคับใช้เมื่อใดจากเดือน พ.ค. วันนี้ขยับไปเป็นไตรมาส 4 ของปี 67 จนวันนี้กลุ่มผู้สนับสนุนน่าจะเหนื่อยที่จะแบกไปแล้ว" น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
ขณะที่ "นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" รมช.คลัง ยอมรับในเรื่องนี้มีการเปลี่ยนแปลงหลายมิติ ทั้งจำนวนคนเข้าสู่โครงการ แหล่งเงิน เพราะต้องเปลี่ยนแปลงภายใต้กฎหมาย และข้อเสนอแนะของหน่วยงานเพื่อให้เกิดการเดินหน้าที่เป็นประโยชน์ แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ใช่เปลี่ยน 5-6 ครั้ง ตามที่อภิปราย
อย่างไรก็ตาม เพราะบางอย่างที่รายงานต่อสภาฯ และตามที่อภิปรายไปนั้นเป็นการคาดเดา ไม่ใช่มาจากคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต หรือ "นายเศรษฐา ทวีสิน" นายกฯ และรมว.คลัง หรือตน ซึ่งการประชุมของคณะกรรมการฯ นั้น เชื่อว่าจะมีกลไกลที่ทำให้เดินหน้าได้ตามกรอบของกฎหมาย
"อยากให้ลดการคาดเดาลงเพราะอีกไม่กี่วัน 10 เม.ย. 67 จะแถลงให้ชัดเจน ผมพูดไม่ได้วันนี้ เพราะต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการ หากพูดเท่ากับชี้นำ ไม่ถูกขั้นตอน รอไม่นาน และไม่อยากคาดเดา หากผิดต้องหน้าแตกอีก ไม่จำเป็น ผมรอให้ชัดเจน เพื่อจบและสมบูรณ์" นายจุลพันธ์ ระบุ
ส่วนอีกหนึ่งไฮไลท์เป็นการอภิปรายเมื่อช่วงเช้าของ "นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ถึงการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล 7 เดือนกว่า เท่ากับ 1 ใน 8 ของวาระ 4 ปี แต่การบริหารงานของรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 66 - 31 มี.ค. 67 เป็นเวลา 6 เดือน ได้ใช้งบปี 67 ไปแล้ว 1.83 ล้านล้านบาท คิดเป็น 43.79% ของวงเงินงบประมาณปี 67 (3.48 ล้านล้านล้านบาท) คำถามคือรัฐบาลใช้เงินไปขนาดนี้แต่ยังสอบตก และที่บอกว่าไม่ใช้งบสักบาทเป็นการแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกประชาชน
"รัฐบาลชุดนี้มัวแต่ใช้การตลาดนำการบริหาร เอาแต่สร้างภาพ แต่ทุกวงการลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน วันๆ มีแต่อีเวนท์ เช้าอีเวนท์ สายอีเวนท์ เที่ยงอีเวนท์ ดึกๆ ยังอีเวนท์ จนคนไทยสำนักอีเวนท์ 6 เดือนบินไป-มา มากกว่า 14 ประเทศ กับหนึ่งเขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นนายกฯ 180 วัน อยู่เมืองนอก 52 วัน ไปทำการตลก เพราะอยู่เมืองไทยประกาศลั่นโลกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังวิกฤต แต่พอลงเครื่องถึงเมืองนอก ไปเที่ยวชวนเขามาลงทุนในประเทศ มหาเศรษฐีโลกที่ไหนที่จะป่วยถึงขั้นเอาเงินเป็น 100,000,000,000 มาลงทุนในประเทศที่เศรษฐกิจกำลังวิกฤต" นายจุรินทร์ ระบุ
ทั้งนี้ นายกฯ พยามแสดงบทบาทเซลส์แมน ถือเป็นเรื่องที่ดี ไม่มีอะไรไปคัดค้าน แต่คำถาม คือ ในฐานะเซลส์แมน ประเทศ Post sale หรือปิดการขายได้หรือยัง ไปขายฝันกับดอกไม้และสายลม พอถึงเมืองไทยก็เอาฝันมาฝาก แถลงข่าวใหญ่โตยิ่งแถลงยิ่งตอกย้ำ ว่าจะมีเม็ดเงินมาลงทุน 558,000 แสนล้านบาท ไม่รู้ว่าเป็นการคาดฝันหรือมันจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่
"สิ่งที่อยากบอกนายกฯ คนไทยอยากได้ของจริงมากกว่า อะไรที่ยังไม่ใช่ ยังไม่ต้องเตะปี๊บก็ได้ มันเสียเหลี่ยม และคนไทยไม่ได้กินแกลบ พูดอะไรที่มันไม่ใช่ เขาจับได้ คนไทยอยากเห็นนายกฯของเขาบินเหมือนเหยี่ยวมากกว่าที่แมลงวันบินทั้งวัน แต่ไม่ได้อะไร ซึ่งเหยี่ยวบินทีไรก็จะไม่พลาดเป้า" นายจุรินทร์ กล่าว
ขณะที่ช่วงเย็น นายเศรษฐา ได้ชี้แจงในการอภิปรายถึงเรื่องการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งทุกครั้งที่เดินทางไปต่างประเทศ เพื่อเปิดโอกาสและสร้างการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ เชื่อว่าจะมีผลตามมา
"ผมยืนยันว่าไม่มีว่าจะบินไปเหมือน "แมลงวัน" ไม่อยากเห็นว่าฝ่ายค้านเป็น "แมลงหวี่" ที่จ้องเล่นการเมือง และย้ำว่ารัฐบาลพยายามเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ในเรื่องการทุจริตมั่นใจว่าไม่มี ถ้ามีก็นำข้อมูลหลักฐานมาพร้อมที่จะโต้แย้งและชี้แจง" นายกฯ กล่าว
ส่วนในเรื่องการลงทุนนั้น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มอบหมายประธานผู้แทนการค้าไทยและเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ชี้แจงผลสำเร็จอย่างชัดเจนไปแล้ว ย้ำว่าการเดินทางไปต่างประเทศรัฐบาลมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง เรื่องการดึงดูดการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญไม่ใช่ว่าเอาแค่ธุรกิจเข้ามาอย่างเดียว แต่มีการอัพสกิล-รีสกิล การเทรนด์บัณฑิตจบใหม่ปรับตัวเข้ากับอุตสาหกรรมที่มีกำไรสูงเพื่อก้าวไปสู่โลกที่มีรายได้และกำไรสูงขึ้น