svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"บิ๊กดุง" เผย 2-3 วันรู้สาเหตุแน่ชัดเหตุปืนใหญ่ลั่นยิงใส่เรือหลวงคีรีรัฐ

"ผบ.ทร." เผย 2-3 วัน รู้ผลสอบสาเหตุ "เรือหลวงชลบุรี" ปืนลั่นใส่ "เรือหลวงคีรีรัฐ" รับไม่ซีเรียสทหารบาดเจ็บ เพราะเหลือไม่กี่นาย ขณะที่มีรายงานแจ้งว่าทหาร 8 คน แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว

15 มีนาคม 2567 สำหรับความคืบหน้าเหตุการณ์เพลิงไหม้ "เรือหลวงคีรีรัฐ" ขณะจอดเทียบท่า ภายในท่าเรือแหลมเทียน การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อช่วงเที่ยงของวานนี้ (14มี.ค.)

ก่อนต่อมาจากการสืบสวนสาเหตุเบื้องต้น มาจากกระสุนปืนขนาด 76 มิลลิเมตร ของเรือหลวงชลบุรี ซึ่งเกิดการขัดข้องและติดค้างอยู่ในตัวปืน ขณะทำการฝึกในทะเล เมื่อ 13 มี.ค. 67 ที่ผ่านมา เกิดลั่นขณะดำเนินการแก้ไข จนทำให้เรือหลวงคีรีรัฐ ได้รับความเสียหาย บริเวณท้ายเรือเล็กน้อย และมีทหารเรือบาดเจ็บ 14 นาย 

อีก 3 วันรู้ผลสอบทั้งหมดปมปืนใหญ่ลั่นยิงกันเอง

ล่าสุด "พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม" ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ว่า ขอให้รอผลการสอบสวน เพราะให้เวลา 2-3 วัน ก็จะรู้ผลแล้ว

ทั้งนี้ ขอให้รอฟังหากพูดไปตอนนี้จะคลาดเคลื่อน ส่วนอาการของผู้บาดเจ็บ ตรงนี้ตนไม่ซีเรียสเลย เหลือ 4-5 คน ก็ถือเป็นความโชคดี ส่วนอาการของผู้บาดเจ็บ ไม่น่าห่วง เป็นการสูดอากาศร้อนและควันเข้าไป

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุดทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ทั้งหมด 14 นาย ขณะนี้ แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว 8 นาย ส่วนที่เหลือยังอยู่ระหว่างติดตามอาการรวมถึงพักรักษาตัว
 

"โรม" พบ "ผบ.ทร." คุยยกระดับการทำงาน

ขณะที่ "นายรังสิมันต์ โรม" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทฑศาสตร์ชาติ และการปฏิรูป สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะ ได้เดินทางมาหารือกับ พล.ร.อ.อะดุง ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ (นันทอุทยาน)  

โดย นายรังสิมันต์ ระบุว่า วันนี้ (15มี.ค.) กองทัพเรืออยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ง่ายเท่าไหร่ ต้องพูดตรงไปตรงมา คิดว่าเป็นโอกาสที่ดี ในการมาพูดคุยกัน จะได้สร้างความร่วมมือ ร่วมกันพัฒนา และยกระดับการทำงาน แก้ปัญหาร่วมกัน คิดว่าการทำหน้าที่ของ กมธ. ในฐานะกลไกของสภาฯ

 

"เรามีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องเข้าใจทางกองทัพ และทางกองทัพ ก็ต้องเข้าใจการทำงานของสภาฯ คิดว่าจะนำไปสู่การสร้างบรรยากาศที่ดี จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมามีข้อถกเถียงหลายเรื่อง เช่น เรื่องอาวุธยุทธโธปกรณ์ เราก็ต้องพูดคุยกัน" นายรังสิมันต์ กล่าว


คุยเพื่อแก้ปัญหาต่อจากนี้และร่วมมือกัน

ส่วนเรื่องการของบประมาณจัดหาเรือฟริเกต ที่ไม่ผ่าน กมธ. งบประมาณ 67 ก็ต้องคุยรายละเอียด เช่นเดียวกับเรื่องที่เกิดขึ้นของเรือหลวงคีรีรัฐ  เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น กองทัพเรือเองก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่ต้องพูดคุยกันว่า จะมีส่วนไหนที่จะสนับสนุนกันและกัน เพื่อป้องกันไม่ให้มีลักษณะเหตุแบบนี้อีก

 

"วันนี้ตั้งใจที่จะสร้างบรรยากาศของการพูดคุย และแก้ปัญหา แน่นอนว่าเราเปลี่ยนอดีตไม่ได้ เราเปลี่ยนสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วไม่ได้ แต่เราสามารถมาร่วมมือกันทำหน้าที่เพื่อกองทัพเรือ ให้มีความเข้มแข็ง มีศักยภาพต่อไป  โดยการหารือวันนี้ เป็นกำหนดเวลาที่มีอยู่เดิมแล้ว ไม่ใช่มาเพราะเหตุการณ์เมื่อวาน แต่ก็ต้องมีการพูดคุย อยากให้มองว่าการมาครั้งนี้ มาคุยเพื่อทำงานร่วมกัน ซึ่งคิดว่ากองทัพเรือก็เป็นเหล่าสุดท้ายแล้ว" นายรังสิมันต์ ระบุ 

ปัดให้ความเห็นปม กมธ. ตัดงบซื้อเรือฟริเกต

สำหรับโครงการจัดหาเรือฟริเกต ที่ถูกกมธ.งบ 67 ตีตกไปแล้ว ในส่วนของกมธ.ความมั่นคงฯ จะสามารถพูดให้ทางกองทัพเรือได้หรือไม่ เพราะพรรคก้าวไกลเองก็ดูเหมือนจะสนับสนุน ต่างจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเรื่องตนไม่สามารถแสดงจุดยืนงบได้ เพราะมาในฐานะ กมธ. ที่มีหลายพรรคการเมือง แต่ต้องฟังทุกฝ่าย ถ้าพูดถึงการพัฒนากองทัพอย่างไร ก็ต้องพูดถึงขีดความสามารถในการรบ และในสถานการณ์ปัจจุบันมีความท้าทาย

 

"แต่เราจะสร้างขีดความสามารถในการรบอย่างไร ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศไทย สิ่งนี้ต้องมาพูดคุยกัน อย่างที่มีการพูดถึงบ่อยๆ เช่นการถ่ายทอดเทคโนโลยีประกอบ หรือสร้างภายในประเทศ เป็นออปชั่นที่น่าสนใจ คิดว่าแนวทางเหล่านี้ จะได้คุยกับกองทัพเรือ ว่าเห็นอย่างไร ซึ่งการกำหนดผลลัพธ์ของการสู้รบ เป็นแนวทางที่ต้องพูดคุยกัน แต่ยืนยันว่าวันนี้เรามองหาการทำงานร่วมกัน ขอเรียกว่าเป็นการมาช่วยกองทัพมากกว่า หลายคนบอกว่าผมมาจ้องจับผิด แต่แน่นอนว่าเราต้องถาม และสังคมอยากจะรู้ เชื่อว่าวิธีแบบนี้ จะเป็นประโยชน์ ทั้งกับ กมธ. และกองทัพ เอง เป็นการให้คำตอบกับสังคมว่าทิศทางจะเป็นอย่างไรไปทางไหน ผมเข้าใจพี่น้องกองทัพ ว่าที่ผ่านมายากลำบากจริงๆ มีความท้าทายหลายอย่าง เราก็ให้กำลังใจและพูดคุยต่อไป" นายรังสิมันต์ กล่าว 

 

ส่วนที่ขณะนี้โซเชียลตั้งข้อวิจารณ์ว่า ในรอบ 1 ปีกว่า กองทัพเรือขาดมาตรฐานการปฏิบัติงาน ซึ่งมีหลายเหตุการณ์ร้ายแรงทั้งเรือหลวงล่ม เรือชนท่าเทียบ และเรือยิงใส่กันเอง โดยตนขอไม่คอมเม้นต์ก่อน ซึ่งต้องรอฟังเหตุผลจากกองทัพเรือ และคำถามต่างๆ ที่โลกโซเชียลได้ถาม คิดว่าจะพูดคุยกันอย่างแน่นอน และจะฟังทางกองทัพว่าพูดอย่างไร และสิ่งที่จะทำต่อไปจะทำอย่างไร ไม่ให้สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นอีก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ และคิดว่าก็จะมีเวลาในการตอบสื่อมวลชนอีกครั้งหนึ่ง  

"สุทิน" ตำหนิ ทร. ย้ำต้องมีลงโทษตามฐานความผิด

ด้าน "นายสุทิน คลังแสง" รมว.กลาโหม กล่าวว่า กองทัพเรือได้ทำการสอบสวนแล้ว แต่เท่าที่ประเมินเบื้องต้น น่าจะเป็นอุบัติเหตุ แต่เพื่อให้ชัดเจนที่สุด ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว และจะได้ผลสรุปไม่นาน

 

"เรื่องที่เกิดขึ้นทางกองทัพเรือก็เสียใจและตนได้ตำหนิไปว่า เราประมาทเลินเล่อ และต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีก ซึ่งผลการสอบสวน ถ้าพบว่าใครประมาท ก็ต้องลงโทษตามสมควร ถ้าเจตนาก็ต้องลงโทษหนัก แต่ถ้าเป็นความผิดพลาดมากหรือน้อย ก็ต้องว่าไปตามระดับของความความประมาท" รมว.กลาโหม ระบุ

 

อย่างไรก็ตาม ตนได้มอบนโยบายให้กับกองทัพเรือ ให้เรื่องนี้เป็นบทเรียน ต่อไปต้องรอบคอบกว่านี้ ต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีก เพราะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น