9 มีนาคม 2567 จากนี้ต้องดูถึงการเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 หลังพรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าจะสามารถสร้างความระคายเคืองให้รัฐบาล ซึ่งนำโดย "นายเศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้หรือไม่
ยื่นอภิปรายตามกลไกรัฐธรรมนูญ
โดย "นายราเมศ รัตนะเชวง" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ต้องกลัว เนื่องจากการยื่นญัตติเป็นไปตามกลไกที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้เตรียมข้อมูลการอภิปรายมาซักระยะหนึ่งแล้ว พร้อมยอมรับว่าพรรคมี สส. 25 คน จึงไม่อาจสามารถเข้าชื่อยื่นญัตติเพียงพรรคเดียวได้
ส่วนการอภิปราย รัฐบาลจะอ้างว่ายังไม่ใช้งบประมาณแผ่นดินนั้น เป็นคนละเรื่อง และการอภิปรายครั้งนี้รัฐบาลมีหลายเรื่องที่ต้องตอบ อย่างกรณีการปรับปรุงภูมิทัศน์ในทำเนียบรัฐบาล โดยใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท มีความชอบธรรม และยอมรับการตรวจสอบได้หรือไม่ ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันที่ประชาชนเกิดความเดือดร้อน ฝ่ายค้านจึงต้องตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างญัตติโดยประสานกับพรรคก้าวไกล
บริหารมา 6 เดือนแต่ไม่เคยทำตามสัญญา
"ญัตติที่เปิดนี้จะต้องครอบคลุมปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น ว่าจะมีการซักถามข้อเท็จจริงในเรื่องอะไร ว่าจะมีการเสนอเสนอแนะในเรื่องอะไร เพราะต้องยอมรับว่ารัฐบาลคุณเศรษฐา ได้เข้ามาบริหารประเทศ กว่า 6 เดือน แต่ไม่ได้มีการปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน อันนี้อย่าไปนับรวมตอนหาเสียง เอาเฉพาะที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพราะนั่นคือคำมั่นสัญญาที่ได้ปรากฏต่อฝ่ายนิติบัญญัติ และประกาศต่อประชาชน ไม่ต่างจากรัฐบาลหน้าไหว้หลังหลอก ประชาชนสามารถคิดได้ว่าเป็นรัฐบาลที่กลิ้งกลอกไม่จริงใจ หลายเรื่องในญัตติที่จะต้องมีการพูดและซักถามในการเพิกเฉยต่อนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา" นายราเมศ กล่าว
กางตำหนิเพื่อรอชำแหละ
นอกจากนี้ เรื่องของการทำนโยบายที่ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น
ขณะเดียวกัน รวมถึงการทำงานของรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพ ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และตอกย้ำถึงการทำงานของรัฐบาลที่ไปไม่ถูกทิศถูกทาง
รัฐบาลหน้าไหว้หลังหลอก
"รัฐบาลประกาศเรื่องความยุติธรรม แต่หน้าไหว้หลังหลอก กลับกลายเป็นย่ำยีกระบวนการยุติธรรม ปลายทางในกระบวนการยุติธรรมเรื่องของนายทักษิณ ต้องยอมรับว่า เสียกระบวนการทั้งหมดผิดหลักการทั้งหมด นี่คือสิ่งที่เราจะต้องมีการพูดคุยในสภาผู้แทนราษฎรในการซักถามข้อเท็จจริงเรื่องมีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ในมาตรา 152" นายราเมศ ระบุ
นอกจากนี้ "นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังย้ำให้ สส. ทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ โดยมี นายนริศ ขำนุรักษ์ และ นายประมวล พงศ์ถาวราเดช ได้สนับสนุนข้อมูลการอภิปราย ซึ่งเชื่อมั่นว่าการอภิปรายครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศและจะทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาตรงไปตรง
หวังนายกฯ-รมต.มาแจง
"เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะจัดสรรเวลาที่จะมาฟัง และตอบข้อซักถามของสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่ต้องการให้เหมือนกับกรณีที่รัฐมนตรีไม่ได้มาตอบกระทู้ถามสด ไม่อยากให้รัฐมนตรีละเลยการมาตอบคำถามซึ่งเป็นการทำหน้าที่ และเชื่อว่ารัฐบาลจะมีมารยาทว่าเมื่อการเมืองเข้าสู่เวลาตามรัฐธรรมนูญ จะต้องให้ความร่วมมือเข้ามาชี้แจงก่อนที่จะหมดสมัยประชุม ซึ่งหากรัฐบาลไม่ให้ความร่วมมือเชื่อว่ารัฐบาลจะไม่ได้" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
พร้อมตอบปม "ทักษิณ" เพราะทำตามกฎหมาย
ด้าน "นายเศรษฐา" ให้สัมภาษณ์ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง ต่อกรณีที่ฝ่ายค้านจะนำเรื่องนายทักษิณ มาอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 นั้น โดยฝ่ายบริหารมีหน้าที่ตอบข้อซักถามของฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ได้กังวล เพราะเป็นไปตามกฎหมาย นายทักษิณ ก็ออกมาตามกฎหมายทุกอย่าง
"เราก็ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายอะไรกับใครทั้งสิ้น ถ้าเกิดมีเรื่องข้องใจอันใด ก็เป็นไปตามกลไกการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และยืนยันว่าพร้อมที่จะชี้แจงทุกเรื่อ งและรัฐมนตรีทุกคน ก็พร้อมที่จะชี้แจงเช่นกัน" นายกฯ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รัฐบาลพยายามเร่งทำงานทุกอย่าง และกลางเดือน มี.ค.นี้ จะแถลงว่า การเดินทางไปต่างประเทศ มีผลงานอย่างไรบ้าง รวมถึงการลงทุนของแต่ละบริษัทคืบไปถึงขั้นตอนใด ประชาชนจะได้สบายใจ ขณะเดียวกันจะได้วางแผนการรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย