3 มีนาคม 2567 จากประเด็นปัญหาพิพาทเรื่องที่ดิน ส.ป.ก. รุกล้ำเข้าพื้นที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ จนบานปลายเกือบกลายเป็นความขัดแย้งของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสยบปัญหาที่เกิดขึ้นจำเป็นต้องมีหน่วยงานกลางเข้ามาแก้ไข
โดย "นายสุทิน คลังแสง" รมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการวันแมพ ว่า ที่ประชุมมีข้อสรุปว่าที่ดิน ส.ป.ก. เขาใหญ่ ต้องทำให้เสร็จภายใน 2 เดือน ส่วนจะสรุปว่าเป็นที่ของใคร จะมีคณะอนุกรรมการอยู่ 3 ชุด ที่ต้องเสนอความเห็นร่วมกัน คือ
อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ของคณะทำงานด้านเทคนิคต่อไปนี้ ให้ลงเป็นคณะ ซึ่งก็จะมีเจ้ากรมแผนที่ทหาร และตัวแทนจากกรมต่างๆ รวมถึงกรมอุทยานฯ ฝ่ายปกครองท้องที่ เพราะฉะนั้นก็ไม่น่าจะเกิดปัญหาข้อวิตก
นายสุทิน ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ หรือ (คทช.) ถือเป็นคณะใหญ่ที่สุด ซึ่งแยกออกมาได้อีกหลายอนุกรรมการ และหนึ่งในนั้น คือ อนุกรรมการวันแมพ และในอนุกรรมการวันแมพ ก็มีคณะทำงานด้านเทคนิค ในเรื่องของแผนที่ แต่ในคณะทำงานเรื่องแนวเขต ซึ่งประธานคือเจ้ากรมแผนที่ทหาร ก็ไปสำรวจแล้วเอาเฉพาะแนวเขตขึ้นมา แล้วเอามาประกอบกับอีก 2 อนุกรรมการ โดยคณะกรรมการวันแมพ ยังดูแลพื้นที่อื่นๆ ทำไปเรื่อยๆ นอกจากพื้นที่เขาใหญ่ด้วย
ส่วนกรณีที่ "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่หนองวัวซอ พร้อมให้ข้อมูลประชาชนว่า รัฐให้เช่าพื้นที่ แค่ 3 ปี ไม่สามารถทำอะไรได้นั้น เป็นการให้ข้อมูลที่สร้างความเข้าใจผิดให้กับชาวบ้าน และเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง รวมถึงสร้างค่านิยมที่ผิดให้กับชาวบ้าน
ทั้งนี้ จริงๆ การลงพื้นที่ของฝ่ายค้าน ตนก็ขอบคุณที่สนใจปัญหาชาวบ้าน เพื่อที่จะได้มาทำงานร่วมกับรัฐบาล สิ่งไหนที่รัฐบาลทำไม่ถูกต้องก็สามารถที่จะท้วงติงได้
ส่วนที่ถูกมองว่าเรื่องนี้ทำให้ชาวบ้านคลาดเคลื่อนนั้น ความจริงแล้วที่ดินของรัฐ คือ ที่ดินของประชาชน ของประเทศ ถ้าอันไหนเป็นของประชาชน ของประเทศ ก็ต้องให้เป็นของรัฐ ให้กรรมสิทธิ์ไม่ได้ เช่น ที่ของราชพัสดุ จะออกคำสั่งให้เป็นที่ของชาวบ้านไม่ได้ เพราะผิดกฎหมาย ยกเว้นจะแก้กฎหมายที่ราชพัสดุที่สาธารณะ เพราะพื้นที่เหล่านี้เป็นที่ของรัฐ ดังนั้นจะให้กับราษฎรไม่ได้ จึงต้องบอกให้ชาวบ้านเข้าใจ
ทั้งนี้ แต่หากเป็นพื้นที่ขอบข่ายของงาน ส.ป.ก. ที่ว่างเปล่าสามารถที่จะจัดสรรให้ชาวบ้านได้ตามกฎหมาย ซึ่งพื้นที่หนองวัวซอ ก็ได้มีการเปิดกระบวนการพิสูจน์สิทธิ์ ไม่ใช่ว่าให้ชาวบ้านเช่าทั้งหมด อันไหนเป็นของชาวบ้าน ผ่านการตรวจสอบเสร็จ แล้วก็ต้องมอบให้ และอันไหนเป็นของที่ราชพัสดุก็ต้องให้เช่า ไม่ใช่แค่ 3 ปีเลิก แต่เป็นระยะเวลาแรก 3 ปี ในการเช่า หากชาวบ้านขอต่อก็ดำเนินการต่อได้ เพื่อให้ชาวบ้านมีวินัยและนำไปใช้อย่างถูกต้องและถูกกฎหมาย ที่ผ่านมายังไม่เคยมีรัฐยกเลิกสัญญากับชาวบ้าน เมื่อชาวบ้านขอก็ต้องต่อให้หมด ที่สำคัญไม่ใช่กรรมสิทธิ์จริง
"เราไม่เคยบอกว่าที่ราชพัสดุจะเอามาเป็นกรรมสิทธิ์ เราไม่ได้บอกว่าที่ที่ทหารใช้อยู่ จะเอาไปเป็นกรรมสิทธิ์ให้ชาวบ้าน ไม่ใช่ แต่ถ้าเป็นสิทธิ์ของชาวบ้าน เราให้จริง ๆ พิสูจน์แล้วก็ให้ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ให้ ก็ให้เช่า อันนี้เราก็ต้องรักษาทรัพย์สินของประเทศไว้ด้วย เพราะฉะนั้นอะไรที่รัฐบาลทำดี เป็นประโยชน์ ฝ่ายค้านชมบ้างก็ได้ แต่ถ้าไม่ชม จะให้ความรู้ ก็ต้องให้ในสิ่งที่ถูกต้อง ข้อมูลที่ถูกต้อง แล้วไปสร้างค่านิยมให้ขาวบ้านลุกขึ้นมาลุยเอาที่รัฐซะหมด อันนี้อันตรายอยู่" นายสุทิน กล่าว
"ธรรมนัส" ให้กรมแผนที่ทหารจัดการแบ่งเขต
ด้าน "ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงปัญหาดังกล่าวว่า ตอนนี้ได้สั่งการให้เพิกถอนการออกโฉนดพื้นที่ 5 แปลง ที่ออกไปก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ไม่ควรออก จะต้องกันไว้เป็นแนวกันชน
ส่วนที่ ส.ป.ก. ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของ ส.ป.ก. นั้น เป็นการยืนยันตามกฎหมายของเรา แต่ปัญหาคือแต่ละหน่วยงานแต่ละกระทรวง ต่างใช้แผนที่ของตัวเอง และอ้างว่าตัวเองถูก ซึ่งก่อนหน้านี้หน่วยงานในกระทรวงทรัพย์ฯ เคยอยู่ในกระทรวงเกษตรฯ พอแยกตัวออกไปก็ใช้แผนที่คนละฉบับ
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า คทช. จึงต้องเดินหน้าวันแมพ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องยึดกฎหมายของรัฐเป็นหลัก ต้องไม่ลืมว่าพื้นที่ของรัฐก็คือของรัฐ ไม่ใช่ของบุคคลใด บุคคลหนึ่ง เมื่อรัฐตัดสินว่าจะให้คณะกรรมการวันแมพ ซึ่งมี รมว.กลาโหม เป็นประธาน ก็ต้องให้เกียรติกัน และในประเทศไทยก็ไม่มีหน่วยงานไหนที่มีความชำนาญเท่ากับกรมแผนที่ทหาร เพราะเป็นหน่วยงานที่ชำนาญที่สุด เพราะร่ำเรียนมาโดยตรง
"ผมขอยืนยันว่าหากกรมแผนที่ทหารทำงานไม่ได้เรื่อง เวลาทำศึกสงครามสมัยก่อน หน่วยงานที่จะให้ปืนใหญ่ หรืออากาศยานยิงลงจุดไหน ก็ใช้พิกัดแผนที่ของกรมแผนที่ทหารเป็นหลัก เพราะฉะนั้นเขามีความชำนาญ ฉะนั้นก็ควรให้เกียรติเขา" ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
อย่าหลงประเด็น-ผมให้เกียรติมากพอแล้ว
นอกจากนี้ ในคณะกรรมการวันแมพ ก็มีตัวแทนจากทุกกระทรวงเข้าร่วม เช่นเดียวกับคณะกรรมการจำแนกที่ดิน ก็มีคนจากทุกกระทรวงเข้าร่วม เพราะฉะนั้นอย่าเบี่ยงเบนประเด็น
ส่วนที่ปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ เชิญ ส.ป.ก. กรมอุทยานฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปพูดคุยหาข้อยุติในวันพรุ่งนี้ (4มี.ค.) นั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า "ไม่ได้มีการเชิญผม และผมก็จะไม่ลงไปพูดคุยในเรื่องนี้เด็ดขาด เพราะผมให้เกียรติมากพอแล้ว ผมฟังนโยบายของรัฐบาล และแนวทางของคณะรัฐมนตรี ส่วนผู้ปฏิบัติก็ไปว่ากันอีกที ซึ่งทราบว่า ส.ป.ก. ก็ออกมาดำเนินการ มิเช่นนั้นประชาชนก็จะเดือดร้อนทั้งแผ่นดิน"
"เราต้องแยกแยะระหว่างเจ้าหน้าที่ทำผิดกฎหมายกับพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อน แผ่นดินนี้ออกกฎหมายเพื่อดูแลทุกข์สุขของประชาชน บังคับใช้กฎหมายเพื่อให้สังคมสงบ ฉะนั้นผมขอยืนยันว่า เราจะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด" ร.อ.ธรรมนัส ระบุ
"ภูมิธรรม" ฝาก "พิธา" ควรรู้ข้อเท็จจริงก่อนมาพูด
ด้าน "นายภูมิธรรม เวชยชัย" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า สิทธิการเข้าถึงที่ดินทำกินของประชาชนที่กำลังเป็นประเด็นนี้ ปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีที่ดินของประชาชนที่อยู่กันมาหลายรูปแบบ มีทั้ง ส.ป.ก. และพื้นที่บุกรุกในป่า มีทั้งคนอยู่มาก่อนประกาศ พ.ร.บ. และที่ดินป่าสงวนก็เป็นอีกแบบหนึ่ง
ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาต้องเริ่มจากความเป็นจริงก่อน ซึ่งการให้สิทธิต้องดูว่าเป็นที่ดินแบบไหน ประเภทไหน เพราะหากไม่รอบคอบจะมีทั้งคนได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ในเวลาเดียวกันและการวิจารณ์ที่ไม่ได้มีเนื้อหาจริง ๆ ของนายพิธา พูดนั้นเพื่อเป็นประเด็นใช้ทางการเมืองมากกว่า
ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าต้องหลีกเลี่ยง อยากให้มาคุยกันบนโต๊ะมากกว่า เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาจริง ๆ เช่น จ.น่าน ที่เพิ่งไปมา ปรากฎว่า ส่วนหนึ่งมีการบุกรุกเข้าไปในเขตพื้นที่ป่าสงวนเหมือนกัน ก็เข้าเงื่อนไข คสช. ก็สามารถทำกินอยู่ได้ ไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ละเอียดอ่อน
ส่วน จ.ระนอง ก็มีประชาชนบุกรุกเข้าไปในป่าชายเลนจริง ๆ แต่ละจังหวัดจะมีลักษณะที่ดินแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นเป้าหมายของรัฐบาล คือ ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนกับการอยู่แบบผิดกฎหมาย
"ฝากถึงคุณพิธา ว่าก่อนวิจารณ์ควรพิจารณาข้อเท็จจริง กฎหมายเอื้ออำนวยแค่ไหน อย่าพูดให้เป็นประเด็นการเมืองมาก หมดฤดูหาเสียงแล้ว หรือกำลังสร้างกระแสหาเสียงในห้วงเลือกตั้ง อบจ. อย่าพูดเอาใจประชาชนอย่างเดียว" นายภูมิธรรม กล่าว
ทาบ 30 อินฟลูเอนเซอร์ชาวจีนช่วยกระตุ้น ศก.ไทย
ส่วนประเด็นที่จะนำอินฟลูเอนเซอร์ชาวจีนเข้าร่วมประชาสัมพันธ์สินค้าไทยจูงใจบรรดาฟอลโลเวอร์ในประเทศจีน ตั้งแต่กางเกงลายช้างไปจนถึงสินค้าชุมชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนกระตุ้นการส่งออกจากไทยไปยังจีน ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก
โดยกระทรวงพาณิชย์ มีแผนจะนำอินฟลูเอนเซอร์จีนมาพูดคุยกันประมาณ 30 คน ซึ่งแต่ละคนมีผู้ติดตามเป็นล้าน ๆ คน เพื่อนำสินค้าไทยนำไปสู่สายตาชาวโลก และเป็นวิธีหนึ่งให้เขามาขายของให้เรา
นอกจากแผนเชิญอินฟลูเอนเซอร์จีนร่วมกระตุ้นภาคการส่งออกไทยแล้ว ยังพิจารณาส่งเสริมผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและสถานที่ท่องเที่ยวไทยผ่านซีรีส์วาย หรือ Boys Love โดยรัฐบาลไทยได้เชิญ "มาย–ภาคภูมิ ร่มไทรทอง และอาโป–ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์" สองนักแสดงซีรีส์วายชื่อดังของไทย ที่ได้รับความนิยมในตลาดต่าง ๆ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมโปรเจกต์การตลาดครั้งนี้ด้วย
"ตอนนี้สิ่งที่ประชาชนคนไทยต้องเตรียม คือ คุณภาพสินค้าชุมชนให้ไปสู่ความพรี่เมี่ยมให้ได้ เพื่อรองรับตลาด คาดว่าเดือน พ.ค.นี้น่าจะได้เคาะกันเรื่องนี้ แต่ระหว่างนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ ตอนนี้เรากำลังใช้อินฟลูเอนเซอร์ไทย ในการขายของผ่านวิธีการใหม่ เช่น ใช้สินค้าไทย tie in ไปในเส้นเรื่องสตอรี่ต่าง ๆ สิ่งนี้ที่เชื่อว่ารัฐบาลทำถูกทางคือ เราได้โปรโมทเรื่องนี้ไป แฮชแทกกระทรวงพาณิชย์ติดอันดับโลกภายในชั่วข้ามคืน ทั้งเวียดนามและมาเลเซีย โดยที่ยังไม่ใช้งบประมาณเลย จึงเป็นเครื่องมือที่คิดว่ารัฐบาลมาถูกทางที่ต้องการเอาสินค้าไทยผ่านสายตาชาวโลกด้วยวิธีใหม่ ๆ ตอนนี้กำลังคัดสรรสินค้าชุมชนเพื่อเปิดตัวในอนาคต เร็ว ๆ นี้ และจะประชุมคัดสรรสินค้าชุมชนสู่สินค้าระดับโลกผ่านกระบวนการของซอฟต์พาวเวอร์ต่อไป" นายภูมิธรรม กล่าว