svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"เศรษฐา"ไม่ตอบคดีหุ้นไอทีวีย้ำเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม

24 มกราคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

นายกฯ ของดให้ความเห็นกรณีศาลนัดตัดสิน "พิธา" ปมหุ้นไอทีวี ชี้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม ด้าน "ภูมิธรรม" รับไม่อยากให้เป็นวังวนปัญหาเหมือน 9 ปีก่อน ขณะที่ "จรัญ ภักดีธนากุล" ย้ำต้องวัดใจศาลตีความตามตัวอักษรหรือยึดเจตนารมณ์ ส่วน "สุพจน์ ไข่มุกด์" มองไม่ต่างคดี "ธนาธร"

24 มกราคม 2567 ในทางการเมืองวันนี้ถือเป็นที่หลายฝ่ายกำลังจับจ้อง โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญเตรียมอ่านวินิจิฉัย กรณี "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กรณีถือครองหุ้นไอทีวี จำนวน 42,000 หุ้น เป็นเหตุให้ต้องพ้นสมาชิกภาพการเป็น สส. หรือไม่  

โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา "นายเศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้มีภารกิจไปร่วมงานเพื่อกล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา "Thailand 2024 The Great Challenge เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส" ที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ

ทั้งนี้ นายเศรษฐา ปฏิเสธตอบถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีถือครองหุ้นไอทีวีของนายพิธา จะส่งผลต่อการเมืองหรือไม่ โดยระบุเพียงสั้นๆ ว่า "ขอไม่ให้ความเห็นในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องของกระบวนยุติธรรม ซึ่งตนเป็นฝ่ายบริหาร" 

 

ขณะที่ "นายภูมิธรรม เวชยชัย" รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ปัญหาทางการเมืองและสภาพแวดล้อมทางการเมือง มีผลต่อการทำงานรัฐบาล ประเทศเจ็บปวดกับ 9 ปีที่ผ่านมา ที่มีการชุมนุมแล้ว บ้านเมืองไม่สงบ ทำให้เศรษฐกิจทรุดและซบเซา หลายเรื่องที่จะทำ ไม่ได้ทำ ซึ่ง 9 ปีที่ก่อนทำให้มองเห็นผลชัดเจนวันนี้

 

"เพราะฉะนั้นไม่อยากให้เราต้องกลับไปสู่จุดนั้น โดยรัฐบาลก็รับฟังความคิดเห็นอยู่แล้ว เช่น การลงพื้นที่ ครม.สัญจรจ.ระนอง เห็นได้ว่า มีผู้คัดค้านโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีคนอื่น ก็ไปรับฟังความคิดเห็นต่าง เพื่อนำมาพิจารณาร่วมกัน" นายภูมิธรรม ระบุ 

ด้าน "นายจรัญ ภักดีธนากุล" อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มองถึงแนวทางการวินิจวัยคดีครั้งนี้ว่า ยังมีความก้ำกึ่งในด้านกฎหมาย จึงขึ้นอยู่กับการตีความของตุลาการ ว่าจะตีความตามตัวอักษร หรือตีความตามเจตนารมณ์ ซึ่งหากตีความตามตัวอักษร การห้ามผู้สมัคร สส. ถือหุ้นสื่อนั้น ก็จะไม่ได้จำกัดจำนวนเอาไว้ ซึ่งไม่ว่าจะถือครองเพียง 1-2 หุ้น ก็ถือว่ามีความผิด หรือหากตีความตามเจตนารมณ์ ศาลก็อาจจะพิจารณาว่า จำนวนหุ้นที่นายพิธาถือครองอยู่นั้น สามารถสร้างความได้เปรียบ-เสียเปรียบในการเลือกตั้งหรือไม่ 

"นายสุพจน์ ไข่มุกด์" อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า คดีการถือครองหุ้นสื่อของนายพิธานั้น คล้ายกับกรณี "นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เพราะไม่ได้มีการจดแจ้งเลิกกิจการสื่อ ดังนั้น กรณีของนายพิธา อาจต้องดูข้อกฎหมายด้วยว่า ไอทีวีมีการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการสื่อแล้วหรือไม่ 

ส่วนที่มีการระบุจำนวนหุ้นไม่มากพอที่จะสามารถครอบงำองค์กรได้นั้น เห็นว่าการพิสูจน์เจตนารมณ์ เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ยาก เพราะอาจมีการปิดบังซ่อนเร้นเจตนาเพื่อผลประโยชน์ของตนเองได้ ส่วนตัวจึงมองว่าควรพิสูจน์ด้วยข้อกฎหมายจะชัดเจนที่สุด 

 

"ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันว่า สถานีโทรทัศน์ไอทีวี ได้ยุติการออกอากาศไปแล้ว จึงทำให้เกิดคำถามตามมาว่า ตกลงแล้วไอทีวี ยังเป็นสื่อที่ประกอบกิจการอยู่หรือไม่ ซึ่งในประเด็นนี้ก็อาจจะเป็นหนึ่งในประเด็นที่ศาลจะพิจารณา เพื่อหาข้อเท็จจริงว่า ไอทีวียังมีสถานะเป็นสื่อ และได้เลิกกิจการแล้วหรือไม่" นายสุพจน์ ระบุ

 

 

logoline