svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"อนุทิน" ลงพื้นที่สุพรรณฯ สั่งดูแลครอบครัวผู้สูญเสีย จากเหตุพลุระเบิด

18 มกราคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"อนุทิน" ลงพื้นที่วัดโรงช้าง จ.สุพรรณบุรี สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลครอบครัวผู้สูญเสีย จากเหตุโรงงานพลุระเบิด ระบุ ใครผิด ใครถูก ก็ว่ากันไปตามหลักฐาน ด้าน ตำรวจ พฐ. ตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมเผยข้อสันนิษฐานเบื้องต้น

18 มกราคม 2567 ที่ วัดโรงช้าง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นศูนย์ประสานช่วยเหลือจากเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิด บริเวณ หมู่ 3 ต.ศาลาขาว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 23 ศพ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางลงพื้นที่ พร้อมหารือกับส่วนราชการ ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมสั่งการให้เร่งช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะบุตรหลาน 
 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย รุดให้กำลังใจญาติเหยื่อโรงงานพลุระเบิด
นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ คือ น้องๆ ที่สูญเสียพ่อแม่ หรือเสาหลักของครอบครัว โดยได้สั่งการท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีไปแล้ว ว่าให้ดูแลเรื่องการศึกษา ไม่ให้หลุดจากระบบเด็ดขาด หลายคน ต้องอยู่กับปู่ย่า ตายาย มีปัญหาเรื่องรายได้ ก็ต้องช่วยเป็นกรณีพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ หรือเอกชน ต้องดูแลกัน เท่าที่มีรายงาน มีอยู่ไม่เกิน 5 คน ก็ต้องช่วยกันคนละไม้ คนละมือ 
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย รุดให้กำลังใจญาติเหยื่อโรงงานพลุระเบิด

"ใครผิด ใครถูก ก็ว่ากันไปตามหลักฐาน  ตอนนี้ มุ่งเน้นเรื่องการช่วยเหลือผู้สูญเสียก่อน  ที่นี่ไม่ได้เป็นรูปแบบของโรงงาน หรือบริษัท มันต้องหาทางเยียวยาญาติผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้  ที่มีรายงานคือ เป็นการจ้างแบบวันต่อวัน สวัสดิการต่างๆ มันมีไม่มากนัก  อย่างที่มา ผมมาเน้นเรื่องการช่วยเหลือดูแล กระทรวงมหาดไทย ช่วยอะไรได้บ้าง ตำรวจช่วยอะไรได้บ้าง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ท่านช่วยเยอะ เพราะ รัฐมนตรี ก็อย่างที่ทราบกัน ว่าเป็นท่านวราวุธ ศิลปะอาชา เท่าที่ทราบคือ ผู้เคราะห์ร้าย บางคนมีกรมธรรม์ ก็ต้องเร่งจ่ายสินไหมทดแทนให้กับญาติโดยเร็วที่สุด"

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย
นายอนุทิน เปิดเผยอีกว่า มีกองทุนของกระทรวงยุติธรรม ให้การดูแลตามควรแก่เหตุ เชื่อว่า ทางท่านรัฐมนตรี ต้องเข้ามาเร่งรัดจัดการแน่นอน  ทุกคนหาทางช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แล้วก็ต้องประสาน เพื่อให้คืนร่างกับญาติ ไปทำพิธีทางศาสนา มันไม่เหมือนบางกรณี ที่ต้องพิสูจน์อัตลักษณ์ อาศัยเวลา อันนี้ เราไม่ต้องไปหาฆาตกรแล้ว ถ้ารู้อัตลักษณ์แล้ว ก็คืนร่างแก่ญาติ ไม่ควรต้องปล่อยให้รอนาน เขาก็เจ็บช้ำมามากพอแล้ว อะไรที่ช่วยกันได้ต้องช่วยกัน  

"เรื่องนี้ ถ้ามาถามว่า จะแก้ไขอย่างไร ต้องขอเวลาดูสาเหตุให้แน่ชัดเสียก่อน จะได้แก้ได้ตรงจุด อย่างจะให้มาเข้มเรื่องออกใบอนุญาต แต่ถ้ามันเกิดเพราะการละเมิดละเลยกฎหมาย มาสั่งเข้มในเรื่องนั้น มันก็ไม่ช่วย ปัจจุบัน การออกใบอนุญาต ออกกันปีต่อปี และต้องร่วมกันพิจารณาหลายหน่วยงาน แน่นอนว่า เรื่องสาเหตุ ต้นเหตุ ผมไม่พูดไปก่อน แต่ถ้าเรื่องช่วยเหลือผู้สูญเสีย ผมทำเต็มที่" นายอนุทิน กล่าว

ตำรวจ พฐ ตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุโรงงานพลุ จ.สุพรรณบุรี 

พล.ต.ต.กำธร อุ่ยเจริญ
ผู้บังคับการ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 เปิดเผยหลังจากที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ร่วมกับ หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด  (EOD) ลงตรวจสอบพื้นเกิดเหตุโรงงานพลุที่ระเบิด ต.ศาลาขาว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในการหาสาเหตุของการระเบิดในครั้งนี้  ว่า จากการลงตรวจสอบได้มีการแบ่งโซน ลงพื้นที่ตรวจสอบเป็น 4 โซน คือ A B C D โดยหลังจากตรวจสอบพบหลุมระเบิดทั้งหมด 23 หลุม มี 1 หลุม ซึ่งคาดว่าเป็นจุดที่มีการเก็บดินระเบิด ที่เป็นส่วนประกอบในการผลิตพลุดอกไม้ไฟ มีลักษณะเป็นหลุมขนาดใหญ่ กว้าง 5.3 เมตร ลึก 1 เมตร ที่อยู่ในจุดโซน B 

ทั้งนี้จากการตรวจสอบลักษณะของร่างผู้เสียชีวิต ที่กระเด็นไปทางฝั่งทุ่งนาที่อยู่ด้านหน้าของตัวโรงงาน ซึ่งมีลักษณะกระเด็นไปไกลไม่ต่ำกว่า 160 เมตร จึงสันนิษฐานน่าเชื่อว่า ในโซน C และ D ที่เป็นส่วนของการตั้งอาคารในการประกอบพลุดอกไม้ไฟ น่าจะเป็นจุดแรกที่มีการระเบิด ที่อาจจะเกิดจากสะเก็ดไฟในขั้นตอนการบรรจุ ก่อนจะลามไปยังจุดที่บรรจุดินระเบิด จึงทำให้แรงอัดจากระเบิดทำให้ร่างของผู้เสียชีวิตกระเด็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งตรงจุดนี้พบหลุมระเบิด 22 จุด

ส่วนหลุมระเบิดสามารถบอกถึงปริมาณดินที่เป็นวัตถุระเบิดได้ หากหลุมขนาดใหญ่ก็เท่ากับว่ามีดินระเบิดจำนวนมาก จากการประเมินคาดว่าจะมีอย่างน้อย 400-500 กิโลกรัม เฉพาะหลุมใหญ่ อำนาจการทำลายล้างในรัศมีประมาณ 1.5 กิโลเมตร แรงที่ทำให้เสียชีวิตในทันทีประมาณ 100-200 เมตร ส่วนความแน่ชัดว่าเกิดระเบิดจากสาเหตุใด ต้องรอพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบทั้งหมดก่อน แล้วค่อยมาวิเคราะห์กับการตรวจพื้นที่เกิดเหตุนี้จึงจะสามารถระบุได้อย่างชัดเจน

รพ.ตำรวจ ส่งทีมร่วมพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ผู้เสียชีวิตจากเหตุโรงงานพลุระเบิด

"อนุทิน" ลงพื้นที่สุพรรณฯ สั่งดูแลครอบครัวผู้สูญเสีย จากเหตุพลุระเบิด

ด้าน พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ จัดทีมพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ร่วมปฏิบัติหน้าที่พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล เหตุโรงงานพลุระเบิด ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ตามคำสั่งของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. จนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ เพื่อให้การตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลของผู้เสียชีวิต เป็นไปด้วยความรวดเร็ว ญาติสามารถรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนา

โดยสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ผู้รับมอบหน้าที่จัดทีมพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ซึ่งประกอบไปด้วย หัวหน้าทีมพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล นำโดย พล.ต.ต.สุวิชัย ลิ่มศิวะวงศ์ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ พร้อม แพทย์ผู้ตรวจพิสูจน์ 2 นาย จากกลุ่มงานนิติพยาธิ, นักวิทยาศาสตร์ 2 นาย จากกลุ่มงานตรวจเลือดชีวเคมีและเขม่าดินปืน, ช่างภาพทางการแพทย์ 3 นาย จากกลุ่มงานนิติพยาธิ และ ผู้ช่วยผ่าศพ 3 นาย จากกลุ่มงานนิติพยาธิ และ ผบ.หมู่กลุ่มงานตรวจพิสูจน์หลักฐานเกี่ยวกับบุคคล  

พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทันทีที่เกิดเหตุ ผบ.ตร. ไม่นิ่งนอนใจ สั่งการให้โรงพยาบาลตำรวจ จัดทีมพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลของโรงพยาบาลตำรวจ เข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลของผู้เสียชีวิตทันที โดยกำชับให้ปฏิติหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้การตรวจพิสูจน์รวดเร็วมากขึ้น

สุดเศร้า ครอบครัวรับ 8 ร่างผู้เสียชีวิต ไปประกอบพิธีทางศาสนา 

"อนุทิน" ลงพื้นที่สุพรรณฯ สั่งดูแลครอบครัวผู้สูญเสีย จากเหตุพลุระเบิด


ต่อมา หลังเจ้าหน้าที่พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลเสร็จไปส่วนหนึ่งแล้ว ได้มีการเรียกประกาศรายชื่อผู้เสียชีวิตที่สามารถให้ญาตินำเอกสารยืนยันเพื่อรับร่างกลับไปบำเพ็ญกุศลได้ทั้งหมด 8 ราย ประกอบด้วย นางพเยาว์ บุญกล่อม , นายสมควร แจ้งวิถี , นางรำไพ สวยค้าข้าว และนายโสพล สวยค้าข้าว ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเครือญาติกัน ทางครอบครัวจึงจะตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดโรงช้าง โดยวันนี้จะมีการสวดอภิธรรมคืนแรก

สำหรับบรรยากาศการนำร่างขึ้นศาลาวัดโรงช้างทั้ง 4 ศพ เป็นไปด้วยความโศกเศร้า บรรดาญาติแต่ละครอบครัว ถือกระถางธูปและรูปภาพนำหน้าโรงศพขึ้นบนศาลาวัดชั้น 2 ทีมเยียวยาจิตใจต้องคอยประคองญาติ ทั้งผู้สูงอายุและเด็กๆ ที่อยู่ในสภาพอิดโรย เนื่องจากรอคอยรับศพตลอดทั้งวัน ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงร้องไห้เสียใจอย่างหนักที่ต้องสูญเสียคนในครอบครัว

ส่วนนางสาวน้ำฝน เกิดนอก ทางครอบครัวได้นำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดโป่งไหมวราราม จ.กาญจนบุรี โดยก่อนเดินทางไปที่วัดได้ทำพิธีเชิญดวงวิญญาณที่บริเวณจุดเกิดเหตุด้วย 

ขณะที่นายรุ่งโรจน์ อุ่มน้อย ทางครอบครัวได้รับกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดพระธาตุ ศาลาขาว จ.สุพรรณบุรี ส่วน นายวิชาญ บุญศรีวงษ์ ทางครอบครัวรับกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดขวางศรีสุวรรณ โดยนายวิชาญ มีภรรยา คือ นางสาวพรทิพย์ พันธุ์แตง ที่เสียชีวิต แต่ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังพิสูจน์อัตลักษณ์ไม่ได้ และร่างสุดท้าย คือ นางบุญเกื้อ ทองสัมฤทธิ์ ทางครอบครัวได้รับกลับไปบำเพ็ญกุศลวัดลาดกระจับ จ.สุพรรณบุรี เช่นกัน

สำหรับในวันพรุ่งนี้เวลา 08.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ได้ประชาสัมพันธ์ให้ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 23 รายมาพร้อมกันที่วัดโรงช้าง เพื่อมารับมอบเงิน ช่วยเหลือเยียวยารายละ 10,000 บาท จากนายอุดม โป่งฟ้า ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยใช้เงินส่วนตัวบริจาคช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต

logoline