ด่วน! เกิดเหตุโรงงานพลุระเบิด ที่สุพรรณบุรี เบื้องต้น จนท.อยู่ระหว่างตรวจสอบ

17 มกราคม 2567 ร.ต.ท.อมรเทพ  วิชิตชาญ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี ได้รับแจ้งมีโรงงานพลุระเบิด ในพื้นที่ หมู่ 3 ต.ศาลาขาว อ.เมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้น นายณัฐภัทร  สุวรรณประทีป ผวจ.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.พีระพจน์ ระหว่างบ้าน ผกก.ฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD รถดับเพลิงจาก อบต.ศาลาขาว และ รถดับเพลิงเทศบาลสวนแตง สมาคมร่วมใจสวนแตง เข้าตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นโรงงานมีพื้นที่ขนาด 1 ไร่  ตั้งอยู่กลางทุ่งนา พบเศษซากของตัวโรงงานทางเหล็กและหลังคา ได้กระเด็นกระจัดกระจายเป็นวงกว้างไปไกลว่า 100 เมตร จากแรงระเบิด 

สอบถามชาวบ้าน เบื้องต้นทราบว่าโรงงานแห่งนี้มีคนงานประมาณ 20 กว่าคนที่เข้าไปทำงาน ซึ่งก็ไม่ทราบว่ามีใครรอดออกมาได้บ้าง โดยต้องรอการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่อีกครั้ง

จากการตรวจสอบพื้นที่รอบโรงงานของเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียชีวิต ประมาณ 23 ราย แต่อย่างไรก็ตาม อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง   

เบื้องต้น นายณัฐภัทร ผวจ.สุพรรณบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบ เพื่อหาสาเหตุกระเบิดของโรงงานพลุครั้งนี้

จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า โรงงานพลุแห่งนี้ เคยเกิดเหตุการณ์พลุระเบิดมาแล้ว เมื่อเดือน พ.ย.2565  มีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บสาหัส 3 ราย โดยที่เกิดเหตุเป็นโรงงานผลิตพลุลูกไข่ไล่นก จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย

ทั้งนี้ เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้มีคนงานรวมทั้งนายจ้าง รวม 23 คน เสียชีวิต ขณะนี้ทราบรายชื่อทั้งหมดแล้ว เบื้องต้นเป็นคนที่มาทำงานในโรงงาน โดยตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายชื่อผู้เสียชีวิต และตรวจสอบว่ามีผู้รอดชีวิตอยู่หรือไม่ 

นายกฯ สั่งดูแลผู้บาดเจ็บ เหตุโรงงานพลุระเบิดที่สุพรรณ กำชับให้ช่วยเหลือเต็มที่ 

วันนี้ (17 ม.ค.) เวลา 11.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นเมืองดาวอส ซึ่งช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง) ณ ศูนย์ประชุม Congress Centre เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ต่อสายโทรศัพท์ถึง พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 ติดตามสถานการณ์เหตุโรงงานพลุระเบิด โดยนายกฯ ได้สอบถามเหตุการณ์ด้วยความเป็นห่วง พร้อมสอบถามจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต 

ทั้งนี้ นายกฯ ได้แสดงความกังวลต่อผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ขอให้ช่วยนำคนบาดเจ็บออกมาจากพื้นที่เกิดเหตุ กำชับให้นำส่งคนเจ็บส่งโรงพยาบาล เตรียมสถานที่รองรับผู้บาดเจ็บ ขอให้ดูแลอย่างเต็มที่ ถ้ามีอะไรให้รัฐบาลช่วยเหลือ ขอให้แจ้งมายังสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันรัฐบาลพร้อมช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และขอให้รายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องทุกชั่วโมง

"อนุทิน" กำชับจังหวัดดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมสั่งสอบสวนถึงสาเหตุ

ด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้รับรายงานจาก ผวจ.สุพรรณบุรี เกี่ยวกับเหตุการณ์โรงงานผลิตพลุระเบิด ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเหตุเกิดเมื่อประมาณ​ 15.30 น. โดยสถานที่ตั้งของโรงงานอยู่กลางทุ่งนา อยู่ห่างไกลชุมชน ไม่มี​บ้านพักอาศัย​ใกล้เคียง 

ทั้งนี้ จากการเข้าควบคุมสถานการณ์ของเจ้าหน้าที่กู้ภัยและดับเพลิง เจ้าหน้าที่ EOD อำเภอ และองค์การบริหารส่วนตำบล ขณะนี้ได้ควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่ในรายงานเบื้องต้นระบุว่าโรงงานแห่งนี้มีคนงานกว่า 20 คน ขณะนี้ไม่พบผู้รอดชีวิต 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า ผู้ประกอบการโรงงานพลุแห่งนี้ ได้รับใบอนุญาตให้ทำและค้าซึ่งดอกไม้เพลิง ออกโดยนายทะเบียนท้องที่อำเภอเมืองสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 66 สิ้นอายุ 23 ส.ค. 67 ซึ่งหลังจากนี้จะได้มีการเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการสอบสวนถึงสาเหตุ และดำเนินการตามกฎหมาย 

ขณะนี้อำเภอเมืองสุพรรณบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบจำนวนผู้ประสบเหตุและความเสียหาย ซึ่ง รมว.มหาดไทย มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นกำชับให้เจ้าหน้าที่ EOD เข้าเคลียร์พื้นที่เก็บกู้วัตถุระเบิดหรือสิ่งอันตรายให้ปลอดภัยก่อน ขอให้ทางจังหวัดดูแลการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ครอบครัวผู้เสียชีวิต และให้เร่งตรวจสอบถึงสาเหตุของการระเบิด ซึ่งนำไปสู่ความสูญเสียในครั้งนี้ ว่ามาจากสาเหตุใด เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังขอให้ทุกจังหวัดทุกพื้นที่เพิ่มความเข้มงวดในการกวดขันทั้งการออกใบอนุญาต การตรวจสอบสถานประกอบการ ซึ่งได้รับอนุญาตในการผลิตหรือขายพลุ ดอกไม้ไฟ ให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของประชาชนเนื่องจากเหตุลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ละครั้งก็สร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

"กัญจนา" เผย เสียใจมาก เหตุการณ์โรงงานพลุระเบิด ชทพ.ระดมสส.ลงพื้นที่ 

ขณะที่ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เปิดเผยว่า ตนเสียใจมากกับเหตุโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นจากโรงงานผลิตพลุระเบิดดังกล่าว ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ทราบมาว่าโรงงานแห่งนี้เคยเกิดเหตุระเบิดขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อเดือนพ.ย. 2565 มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 3 ราย ซึ่งเป็นโรงงานที่ได้รับอนุญาตถูกต้อง 

ขณะนี้ทางนายสรชัด สุจิตต์ สส. สุพรรณบุรี เขต 1 พรรคชาติไทยพัฒนา กำลังเร่งลงพื้นที่ รวมทั้ง นายเสมอกัน เที่ยงธรรม สส. สุพรรณบุรี เขต 4 พรรคชาติไทยพัฒนา และ นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่กระทรวงพม.ด้วย ที่กำลังลงพื้นที่เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือครอบครัวผู้สูญเสีย

"ตัวเองรู้สึกเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องขออภัยด้วยที่รัฐมนตรีวราวุธลาราชการและกำลังเดินทางอยู่บนเครื่องบิน เมื่อลงเครื่องบินแล้วคงจะได้ทราบเหตุการณ์ที่น่าสลดใจนี้และคงได้มีการพูดคุยประสานงานเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือต่อไป" น.ส.กัญจนา กล่าว

ชาติไทยพัฒนา รุดที่เกิดเหตุหาพื้นที่ใช้พิสูจน์อัตลักษณ์

ด้าน นายสรชัด สุจิตต์ สส. สุพรรณบุรี เขต 1 กล่าวถึงเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิดที่ จ.สุพรรณบุรี ว่า เมื่อได้รับทราบข่าวตนได้รีบตีรถเดินทางกลับลงไปในพื้นที่ เบื้องต้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นโรงงานพลุที่มีเจ้าของและพนักงานอยู่ประมาณ 30 คน ขณะนี้ทุกภาคส่วนกำลังเข้าไปวางแผน ในการจัดการ เพราะต้องดำเนินการพิสูจน์อัตลักษณ์ และทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ประสานมาว่า จะช่วยในเรื่องการเข้าไป ติดตามดูแลจิตใจครอบครัวผู้สูญเสียอย่างไร ซึ่งตอนนี้อยู่ขั้นตอนการเก็บข้อมูลและวางแผน

เบื้องต้น ตอนนี้ได้รีบกันบุคคลออกนอกที่เกิดเหตุ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและดำเนินการหาพื้นที่ที่จะใช้พิสูจน์อัตลักษณ์โดยด่วน เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตค่อนข้างมากในเหตุการณ์ดังกล่าว 

"ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และครอบครัวผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม นายวรวุธ ศิลปอาชาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา อยู่ระหว่างลาราชการเดินทางไปต่างประเทศ ขณะนี้อยู่บนเครื่องน่าจะยังไม่ได้ทราบข่าว ซึ่งจะได้รีบรายงานให้ทราบเพื่อประสานงานกันต่อไป" นายสรชัด  ระบุ

ขอบคุณภาพที่เกิดเหตุจาก : มูลนิธิกู้ภัยเสมอกัน สุพรรณบุรี