12 มกราคม 2567 ที่อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษา โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (โครงการแลนด์บริดจ์) สภาผู้แทนราษฎร สัดส่วนพรรคก้าวไกล ร่วมแถลงข่าว นำโดย นายจุลพงษ์ อยู่เกตุ สส.พรรคก้าวไกล กล่าวว่า
วันนี้(12 ม.ค.) ได้มีการประชุมกรรมาธิการ ซึ่งได้รับแจ้งว่า เป็นการประชุมครั้งสุดท้ายและจะมีการพิจารณารับรองผลการศึกษา "โครงการแลนด์บริดจ์" ซึ่งในการประชุม กมธ.ในสัดส่วนพรรคก้าวไกล ได้ทักท้วงในหลายเรื่อง ที่ยังไม่มีความชัดเจนและยังไม่ได้รับคำตอบ
เช่น ท่อส่งน้ำมัน ไม่มีการศึกษาการเปลี่ยนแปลงสภาพสิ่งแวดล้อม ความน่าเชื่อถือทั้งเรื่องความต้องการของบริษัทเดินเรือที่จะมาใช้โครงการ ซึ่งมีความเกินจริง การประหยัดต้นทุน การเดินเรือผ่านช่องแคบมะละกา และการคำนวณผลตอบแทนทางการเงิน ทางเศรษฐกิจ ก็ไม่สามารถตอบให้ความชัดเจนได้
และรายงานที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จัดทำก็ขัดแย้งกับรายงานการศึกษาของ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่า "โครงการแลนด์บริดจ์" ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ขณะที่การศึกษาของ สนข. ระบุจะได้ผลตอบแทนร้อยละ 17 ซึ่งในการพิจารณา ได้ให้น้ำหนักไปที่ผลการศึกษาของ สนข.เป็นหลัก ทำให้ สส.พรรคก้าวไกล ได้การทักท้วง
แต่เนื่องจากมีเสียงน้อยเพียง 4 คน ประกอบด้วย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล, นายประเสริฐพงษ์สุวัฒน์, นายศุภณัฐ มีนไชยนันท์ และตนเอง รวมถึง นายสมพงษ์ ศริโสภณศิลป์ นักวิชาการ จึงขอถอนตัวและลาออกจากกรรมาธิการ โดยมีผลทันทีในวันนี้ อีกทั้งไม่สามารถร่วมลงชื่อรับรองรายงานฉบับดังกล่าวได้
ด้าน น.ส.ศิริกัญญา ในฐานะที่ปรึกษาและกรรมาธิการ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2566 ได้มีการตั้งคำถามต่อ สนข.ในที่ประชุม จนเกิดข้อถกเถียงไม่จบว่า มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน คุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน ในโครงการนี้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของประมาณการสินค้า หรือเส้นทางเดินเรือที่มีการโยงใยเส้นทางมากมาย แต่ไม่ได้คำตอบ เรือประเภทไหนที่จะเข้ามาหรือจะมีปริมาณสินค้าเท่าไร มีสมมติฐานอย่างไรบ้าง รวมถึงการเจริญเติบโตของท่าเรือ
ในวันนั้นประธานในที่ประชุม ได้ปิดการประชุมและบอกว่าจะเชิญ สนข.มาใหม่ และในวันนี้(12 ม.ค.) ประธานไม่ได้เชิญ สนข. ซึ่งเป็นวันประชุมครั้งสุดท้ายแล้ว และพยายามที่จะลงมติรับรองรายงานฉบับนี้ ดังนั้นจึงเป็นเหตุว่า ตนเองไม่สามารถพิจารณาตัวรายงานฉบับนี้ได้อย่างแท้จริง เพราะข้อเท็จจริงได้ไม่ครบถ้วน และไม่สามารถที่จะมีส่วนร่วมในการที่จะอนุมัติหรือไม่อนุมัติรายงานฉบับนี้ได้ และท้ายที่สุดไม่ได้มีการขอต่อขยายอายุของคณะกรรมาธิการชุดนี้ออกไป เพื่อที่จะให้มีการพิจารณาต่อเนื่อง โดยการเชิญตัวแทนหน่วยงานสนข. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม
นายสมพงษ์ กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วยที่จะต้องทำการพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ แต่โครงการนี้ไปวางน้ำหนักไว้ที่สินค้าของเกาะไหหลำไว้ค่อนข้างมาก จึงมองว่าควรออกแบบโครงการนี้ใหม่ และควรเน้นไปที่สินค้าภาคใต้มากกว่าสินค้าไหหลำ แต่เรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจนเกิดขึ้นในชั้นกรรมาธิการ และหน่วยงานก็ไม่ได้มีการเข้ามาชี้แจงตัวเลขที่แน่นอน จึงพิจารณาไม่ได้ว่าตัวเลขที่ประมาณการนั้น สมเหตุสมผลมากน้อยแค่ไหน
ขณะที่นายศุภณัฐ กล่าวว่า เจตนารมณ์หลักคือ หาคำตอบให้กับประชาชนว่า จริงๆแล้วโครงการแลนด์บริดจ์ จะกำไรหรือขาดทุน ลดระยะเวลาได้จริงหรือไม่ ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยได้จริงหรือไม่ แต่สิ่งที่พยายามทำมาร่วม 90 วัน เรายังหาคำตอบไม่ได้ ทำไมรายงานของสภาพัฒน์ จึงแตกต่างกับรายงานของ สนข. ข้อมูลที่อยู่ในรายงานที่จะมีการลงมติเห็นชอบใช้ข้อมูลของ สนข.ทั้งหมด
โดยที่ไม่มีเหตุผลว่า ทำไมถึงตัดข้อมูลของสภาพัฒน์ ทิ้งในฐานะที่เราเป็นผู้ศึกษา เราไม่ควรเลือกที่จะหยิบข้อมูลไหนหรือไม่หยิบข้อมูลไหนมาใช้ มีหน้าที่นำข้อมูลรอบด้านทั้งหมด ใส่ลงไปในรายงานและอ้างอิงว่า ข้อมูลที่ได้มานั้นได้มาจากหน่วยงานไหน
สุดท้ายแล้ว จะเกิดความเสียหายต่อประเทศ เพราะเรากำลังจะไปขายต่างประเทศ จะนำข้อมูลด้านเดียวจากหน่วยงานของภาคราชการ ไปขายกับต่างประเทศ หากต่างประเทศย้อนกลับมาว่า เมื่อศึกษาแล้วไม่คุ้มทุนอย่างที่เราบอกจะเกิดอะไรขึ้น นั่นหมายถึงว่า การศึกษาของรัฐบาลไทยแย่หรือไม่ หรือรัฐบาลไทยกำลังไปหลอกให้ต่างชาติมาลงทุนหรือไม่
ดังนั้นหากรายงานออกไปเป็นแบบนี้ จะสร้างความเสียหายต่อคณะกรรมาธิการ และต้องเสียหายต่อรัฐสภา รวมถึงผู้ที่หยิบยกข้อมูลนี้ไปอ้างอิงหรือนำไปใช้เพื่อขายให้กับต่างชาติ
สำหรับรายชื่อ คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ฯ (โครงการแลนด์บริดจ์) สภาผู้แทนราษฎร ได้มีการประชุมครั้งแรก เพื่อเลือกตั้งตำแหน่งสำคัญๆ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติดังนี้
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน กมธ.
รองประธาน กมธ. มีจำนวน 6 คน ประกอบด้วย
1.นายครูมานิตย์ สั่งข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย
2.นายจุลพงศ์ อยู่เกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
3.นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย
4.นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ ส.ส.พังงา พรรคพลังประชารัฐ
5.นายอนุชา บูรพชัยศรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ
6.นายศาสตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา พรรครวมไทยสร้างสร้างชาติ
นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เลขานุการ กมธ.
นายสุไลมาน บือแนปีแน ส.ส.ยะลา พรรคประชาชาติ
โฆษกกมธ. 2 คน ประกอบด้วย
1. น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย
2.นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล
ที่ปรึกษากมธ. 4 คน ประกอบด้วย
1.น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
2.นายทวี สุระบาล ส.ส.ตรัง พรรคพลังประชารัฐ
3.นายคงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ ส.ส.ระนอง พรรคภูมิใจไทย
4.นายประมวล พงศ์ถาวราเดช ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์
รับตกใจ 4 สส.ก้าวไกลลาออกกมธ.แต่ไม่กระทบ
ด้าน "น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์" สส.กรุงเทพ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา พรรครวมไทยสร้างชาติ กมธ.วิสามัญ แลนบริดจ์ แถลงถึงการทำงานของกมธ.ที่ได้รับฟังความคิดเห็น จากหน่วยงานต่างๆ ทั้งสภาอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ และภาคประชาชน รวมถึงการลงพื้นที่ ครบถ้วน รอบด้าน ตามกรอบเวลา เพื่อรวบรวมความคิดเห็นนำส่งไปยังรัฐบาลและเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจเข้ามาลงทุน ซึ่งได้ลงมติวันนี้ด้วยคะแนนเห็นชอบ 20 ไม่เห็นชอบ 2 โดยขั้นตอนต่อไปจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรและเสนอรัฐบาลต่อไป
โดย น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า ในวันที่ 22 ธ.ค. 2566 นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน กมธ. บอกว่าจะขอมติรับรองรายงาน และในการประชุมวันนั้นไม่มีใครเห็นแย้ง เห็นแต่หากมีประเด็นที่ข้องใจก็สามารถขอข้อมูลเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ดังนั้น กรณีที่กมธ. สัดส่วนที่เป็น สส.พรรคก้าวไกล บอกว่าไม่มีการเชิญ สนข. เข้ามาให้ข้อมูลนั้น ไม่เป็นความจริงเพราะมีนายจิรโรจน์ ศุกลรัตน์ กมธ. และเป็นรองผู้อำนวยการ สนข. อยู่ในที่ประชุมและคอบตอบคำถามอยู่แล้ว
ส่วนการลาออกของ สส.ก้าวไกล และ 1 กมธ. ที่เป็นนักวิชาการ เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ค่อยได้เห็น เพราะการทำงานในชั้นกมธ. เป็นไปเพื่อการบรรลุวัตถุประสงค์ของประชาชนสูงสุด ที่ผ่านมารับฟังความเห็นทุกภาคส่วนทำงานเต็มที่ เมื่อเกิดเหตุการณ์ กมธ. ลาออกไป
"ส่วนตัวรู้สึกตกใจ เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายที่จะมีการรับรองมติการประชุม โดยมติก็สามารถที่จะลงได้ทั้งเห็นด้วยไม่เห็นด้วยหรืองดออกเสียง เพื่อให้การทำงานเป็นไปด้วยความราบรื่นและเป็นการให้เกียรติ กมธ. ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุม ดังนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการประชุม เพราะจบการพิจารณาไปแล้ว และกำลังเข้าสู่กระบวนการของสภาผู้แทนราษฎร" น.ส.ธีรรัตน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังยืนยันว่าทุกหน่วยงานให้ข้อมูลชัดเจนครบถ้วน ย้ำว่ารอบด้านเป็นที่พึงพอใจของกมธ. มั่นใจว่าสมบูรณ์ ส่วนที่ สส.ก้าวไกล อ้างว่าถามอะไรก็ไม่ตอบนั้นไม่จริงเพราะทุกคำถามได้รับคำตอบ รวมถึงมีเอกสารโชว์ ดังนั้นที่บอกว่าไม่มีข้อมูลไม่เชิญมาตามที่ร้องขอไม่มีการยืดเวลาเป็นข้อมูลที่สวนทางกับข้อเท็จจริงไปมาก สำหรับ สส.ก้าวไกลอ้างว่าข้อมูลของสภาพัฒน์และสนข.สวนทางกันไม่ชัดเจนนั้น อาจเป็นเพราะ สภาพัฒน์ฯ เป็นข้อมูลในภาพกว้าง แต่สนข. ลงลึกกว่า
อย่างไรก็ตาม กมธ.พร้อมที่จะให้คำตอบเพิ่มเติมในข้อสงสัย พร้อมอยากให้ทุกคนเข้าใจว่ามีหน้าที่ศึกษาข้อมูล เพื่อที่จะ รับทราบข้อเท็จจริงให้มากที่สุด แต่เรื่องของการตัดสินใจว่าจะเดินหน้าทำโครงการต่อหรือเอาข้อมูลนี้ไปกระจายต่ออย่างไร ต้องให้ทุกคนได้พิจารณาร่วมกันด้วย
ส่วนจะเป็นเกมการเมืองหรือไม่นั้น ต้องให้ผู้สื่อข่าวตัดสินเพราะกมธ.ประชุมตั้งแต่เวลา 09:00 น. จนถึงช่วงเย็น ประชุมด้วยความตั้งใจที่จะเห็นผลสัมฤทธิ์ที่ออกมาเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด หลายครั้งดีใจที่มีพื้นที่ให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น อยากให้โครงการเกิดขึ้น ตั้งใจทำงานอย่างดีที่สุดส่วนท่านใดจะบิดเบือนอย่างไรก็ต้องขอความเป็นธรรมจากประชาชนด้วย และไม่อยากให้มองเป็นเรื่องการเมือง
ด้าน นายศาสตรา กล่าวว่า การทำงานของกมธ.เป็นเพียงการศึกษาไม่ได้เป็นการเห็นชอบให้มีการสร้าง หรือไม่สร้าง โครงการแลนบริดจ์ แต่เป็นรายงานที่จะประกอบการตัดสินใจของฝ่ายบริหาร ที่ฝ่ายบริหารจะฟันธงว่าทำหรือไม่ทำ แต่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญที่พี่น้องชาวใต้รอคอยโครงการเมกกะโปรเจค พร้อมยอมรับว่า ในส่วนประเด็นของสิ่งแวดล้อมก็สำคัญ ดังนั้น จึงต้องให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
"เสียดายที่สส.ก้าวไกลลาออก แม้จะเป็นสิทธิ์ของทุกคน แต่กลับมีการลาออกทั้งที่การประชุมยังไม่เสร็จสิ้น ถ้าฟังให้ครบอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ และยังสามารถโหวตไม่เห็นชอบได้เนื่องจากมีบันทึกอยู่ ไม่จำเป็นต้องลาออก แต่เมื่อลาออกไปแล้วความเห็นไม่ตรงกัน ใครลาออกไปเมื่อเป็นมติของเสียงส่วนใหญ่ 20 เสียงเห็นด้วย ก็ต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อพี่น้องประชาชนโครงการดีๆจะได้เกิดขึ้น" นายศาสตรา กล่าว