นายกฯ ยันเดินหน้า "แลนด์บริดจ์" เพื่อความมั่นคงของชาติ พร้อมรับฟังทุกฝ่าย

4 มกราคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงกรณีสมาชิกรัฐสภากล่าวถึงโครงการแลนด์บริดจ์ ระหว่างการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ว่า เรื่องนี้เกิดจากการที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตสินค้าหลายชนิด โดยเฉพาะอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งมีหลายประเทศประสงค์ตั้งโรงงานในไทย เพราะความพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงด้านต่างๆของไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสนามบินสุวรรณภูมิที่สร้างมาตั้งแต่สมัย นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร รวมถึงท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ตอนนี้ก็เฟส 3 แล้ว การตั้งโรงงานผลิตสินค้าที่ใหญ่และส่งไปขายทั่วโลก 

นายกฯ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันช่องแคบมะละกา นอกจากแออัดแล้วก็ยังเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้ใช้เวลานานในการเข้าคิวผ่านช่องแคบ และปริมาณสินค้าที่จะเพิ่มขึ้นในช่วง 10-15 ปี ข้างหน้า จะมีมูลค่าที่ต้องใช้เส้นทางเดินเรือเพิ่มขึ้นอีกมโหฬาร จนช่องแคบมะละกาไม่สามารถบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 

การที่เราจะทำแลนด์บริดจ์ขึ้นมา เป็นการแบ่งเบาภาระ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทยขึ้นไป เพราะปริมาณน้ำมันที่ขนส่งทั่วโลก 60% ผ่านช่องแคบมะละกา ซึ่งน้ำมันถือเป็นสินค้าหลักที่ทั่วโลกมีความต้องการสูง ถ้าช่องแคบมะละกาคับแคบ การขนถ่ายสินค้าก็มีปัญหา รัฐบาลจึงได้มีแนวคิดแลนด์บริดจ์ ประกอบทั้งจุดยืนทางด้านภูมิศาสตร์การเมืองของเรา มีความเป็นกลาง แม้ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจระหว่างจีนกับสหรัฐฯ มีความรุนแรงเกิดขึ้น แต่ 2 ประเทศนี้ก็ยังต้องค้าขาย

“การที่เราเสนอตัวในการทำแลนด์บริดจ์เชื่อมต่อโลกทั้งโลกเข้าด้วยกัน ประเทศจีนกับประเทศสหรัฐฯ ก็สามารถใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางขนส่งสินค้าได้เป็นอย่างดี ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จำเป็น เราไม่ได้นิ่งนอนใจ ไม่ได้มีการเพิ่งเฉยต่อเสียงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ รัฐบาลจะมีการสำรวจความคิดเห็น การรับฟังข้อคิดเห็น ทั้งฝ่ายค้าน ทั้งฝ่ายภาคประชาคม ทั้งประชาชนในพื้นที่ รวมถึงนักธุรกิจทุกๆ คน ให้แน่ใจว่า โครงการนี้จะเป็นเมกกะโปรเจคที่มีความสำคัญโครงการหนึ่งของโลก”

นายกฯ ยังกล่าวด้วยว่า การมีแลนด์บริดจ์จะทำให้หลายประเทศ เช่น ซาอุดิอาราเบีย ซึ่งมีความมั่นคงด้านพลังงาน มาลงทุนสร้างโรงกลั่นน้ำมัน ทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคงทางพลังงาน นอกเหนือจากความมั่นคงทางอาหาร และทำให้ไทยมีความพร้อมในการที่จะยืนในโลกที่มีความขัดแย้ง และยืนได้ด้วยตัวเอง ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนยกระดับขึ้นมา