svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

หยิกแกมหยอกฉายา"รัฐบาล-สภา"-กระชับสัมพันธ์สื่อกับนักการเมือง

27 ธันวาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"สุวัจน์" มองฉายารัฐบาล"แกงส้มผลักรวม"เป็นความน่ารักหยิกแกมหยอก ขออย่าซีเรียส ย้ำจงภูมิใจได้รับฉายา ด้าน "วันนอร์" ไม่ติดใจโกรธ ย้ำสภาทำงานเต็มที่ ขณะที่

27 ธันวาคม 2566 ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน สำหรับการตั้งฉายาของสื่อมวลชนให้กับรัฐบาลและรัฐสภา เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน และเป็นอีกหนึ่งสีสันที่เรียกว่า "หยิกแกมหยอก" ก่อนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งกำลังใกล้มาถึงนี้ 

โดย "นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ" ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า มองว่า การที่สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งฉายาให้รัฐบาล ประจำปี 2566 เป็น "แกงส้มผลักรวม" นั้น "ถ้าคุณได้รับฉายาควรต้องดีใจ เพราะถ้าไม่ได้รับจะเป็น No One แต่ถ้าได้รับฉายาคือเป็น Someone คือมีตัวตน"

อย่างไรก็ตาม ถือเป็นบรรยากาศของการหยิกแกมหยอก สะท้อนมุมมองทางการเมืองไม่ใช่เรื่องซีเรียส อย่างฉายา ที่รัฐบาลได้รับปีนี้ มองว่าอยู่ในบรรยากาศ "ฮันนีมูนพีเรียด" เบาๆน่ารักๆ แต่ว่าสะท้อน มุมทางการเมือง ไม่มีอะไรที่ซีเรียส 

ทั้งนี้ นายสุวัจน์ ยังท้าวความถึงสมัยอดีตตอนที่เป็น รมว.คมนาคม และเลขาธิการพรรคชาติพัฒนา ก็ได้รับฉายาว่า "สุวัจน์หอกข้างแคร่" เพราะตอนนั้นมี 50 กว่าเสียง เป็นตัวแปลในรัฐบาล ขยับอะไรก็จะสร้างความหวั่นไหว และอีกครั้งได้รับฉายา "สุวัจน์ 25 ชั่วโมง" ขณะที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี เนื่องจากทำงานทั้งวันประชุมแล้วแถลงข่าวเลย จึงอาจแถลงข่าวมากไป นักข่าวบอกว่า "เดี๋ยวก็แถลงเดี๋ยวก็แถลง" 

ขณะที่ "นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา" ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา กล่าวภายหลังผู้สื่อข่าวประจำสภา ตั้งฉายาให้เป็น "(วัน)นอ-มินี" ว่า เป็นเรื่องของสื่อ มองเป็นเรื่องหยอกล้อ และยอมรับในสิ่งที่หยอกล้อมา แต่ยืนยันว่าสภาทำงานเต็มที่

ส่วนที่หลายหลายฝ่ายมองว่าเป็นนอมินีของพรรคเพื่อไทยนั้น ขอย้ำว่า ตนเข้ามาทำหน้าที่เป็นคนกลาง ไม่ได้เป็นคนของพรรคไหน เพื่อให้มีการจัดตั้งรัฐบาลได้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไก เพื่อให้ประเทศบรรลุเป้าหมาย มีรัฐบาลม มีนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าไม่ได้เป็นนอมินีใคร

สำหรับเหตุการณ์ในการประชุมสภาหลายครั้งมีการสะท้อนว่าเข้าข้างพรรคเพื่อไทยมากเป็นพิเศษ ก็ย้ำว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งก่อนหน้านี้ ทุกคนก็ทราบดีว่า ตนเองสนับสนุนพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เพราะเป็นเสียงข้างมาก แต่เมื่อมาถึงจุดที่ไปไม่ได้ ก็ต้องปรับกันใหม่เพื่อให้ตั้งรัฐบาลให้ได้ 

เมื่อถามย้ำว่า โกรธหรือไม่กับฉายาที่สื่อสภาฯ ตั้งให้เป็น "(วัน)นอ-มินี" ว่า "ไม่มีครับ เป็นเรื่องธรรมดา"

ส่วนฉายา "สภาลวงละคร" นั้น มองว่าสภาเป็นเรื่องของที่ประชุม และเป็นที่ถกเถียงกัน ถ้ายังไม่มีข้อยุติก็ต้องแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไปมา อาจจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเพื่อหาข้อยุติสภา ก็เหมือนกันทั้งโลก ซึ่งสภาฯของประเทศไทยอาจจะดีกว่าหลายประเทศด้วยซ้ำไป พร้อมมองว่าปรากฏการณ์เป็นบทบาท และเป็นปรากฏการณ์ของสภาทั่วโลก ถ้าไม่เป็นแบบนี้ก็คงไม่ใช่สภา แล้วเชื่อว่าปีหน้าคงมีฉายามาอีก เป็นเรื่องของสื่อมวลชน สนุกสนาน เพื่อต้อนรับปีใหม่

ส่วนปีนี้ไม่ไม่มีดาวสภา ดาวเด่น นั้น เพราะที่ผ่านมายังไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเพิ่งผ่านมาได้ 3 เดือนกว่า อีกทั้งในสภาก็ยังไม่มีกฎหมายที่สำคัญเข้ามาพิจารณา ดังนั้น คิดว่าดาวจะเกิดขึ้นเมื่อมีการอภิปราย ก็หวังว่าดาวเด่นจะเกิดขึ้นเพราะดาวไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน

ด้าน "นายพรเพชร​ วิชิตชลชัย"​ ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา กล่าวว่า การทำงานของวุฒิสภา​​ ไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งกับพรรคการเมืองต่างๆ​ และพอใจการทำงาน บางทีอาจจะผ่อนเบามากไปหน่อย การห้ามเขาทะเลาะกันตอนนี้ยังไม่เกิดขึ้น เพราะสมัยประชุมนี้ยังไม่มีการประชุมร่วมรัฐสภา ยอมรับว่าเป็นห่วงที่ไม่มีการประชุมร่วมกัน บางเรื่องก็ขาดไป เช่น ข้อตกลงสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ซึ่งวุฒิสภา เขาเก่งเขาถนัดและมีคนเยอะที่จะเจรจากับต่างประเทศ ยอมรับว่าตนรู้จักกับสมาชิกวุฒิสภารุ่นเก่าๆ มาตั้งแต่รับราชการ รู้ดีว่าวุฒิสภาทำงานอย่างไร แต่การทำงานของตนก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพราะตนดูในเรื่องของกฎหมายเป็นสำคัญ และการให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระ ซึ่งการเป็นหัวหน้าพรรคทำไม่ได้

ส่วนการได้รับฉายา "แจ๋วหลบ จบแล้ว" ที่ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภาตั้งให้ ว่า​ บางคนเขารับใช้ชาติ เขาหมดหน้าที่แล้ว​

ซึ่งเมื่อสื่อแย้งว่าที่ผ่านมา ประธานวุฒิสภามีบทบาท รัฐบาลนี้ดูเหมือนจะเลี่ยง นายพรเพชร จึงกล่าวต่อว่า "อ๋อ​ ไม่ใช่ออกสื่อนะหรือ"​

เมื่อผู้สื่อข่าวได้ชี้แจงว่า บทบาทของประธานวุฒิสภาที่ผ่านมา ​คือ การทำงานให้กับ คสช.​ โดยนายพรเพชร ระบุว่า "อ๋อ การทำงานที่ผ่านมา คสช. ทำงานเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งหมด แม่น้ำ 5 สาย ก็ต้องมีบทบาท เหมือนที่นายวิษณุ​ เครืองาม​ อดีตรองนายกรัฐมนตรี บอกว่าลงเรือแป๊ะ​ ดังนั้น บทบาทจะไม่เหมือนกัน เมื่อมา เป็น สว. บทบาทของตนนั้นเป็นอย่างไร"​ 

เมื่อถามย้ำว่า รู้สึกอย่างไรกับฉายา "แจ๋วหลบ จบแล้ว" นายพรเพชร กล่าวว่า แจ๋วจบก็คงไม่ทำงาน​ แต่ตนทำงานตลอด จบไปแล้ว ก็ไม่รู้จะไปทำงานอะไร หางานให้ทำหน่อยสิ​ ส่วนรู้สึกโกรธหรือไม่กับฉายาที่สื่อมวลชนตั้งให้ อย่าไปตีความให้มันเป็นแบบนั้น ตนก็ตีความว่าผู้สื่อข่าวเป็นแจ๋ว​ เป็นแจ๋วกันหรือ​ อย่าไปตีความอย่างนั้น ทุกคนมีภาระหน้าที่

 

"ดูอย่างอาจารย์วิษณุสิ​ ไหนบอกว่าจะพักแล้ว​ โผล่มาแล้ว​ เออ​ ยกแรกเขียนหนังสือแล้ว" ​นายพรเพชร ระบุ

 

ส่วนฉายาวุฒิสภา "แตก ป. รอ Retire"  อย่างการโหวตเลือกนายกฯที่ สว.เสียงแตก​ ต่างจากที่ผ่านมามีความเป็นปึกแผ่นเห็นไปในทิศทางเดียวกัน นายพรเพชร​ มองว่า​ ธรรมดานะ ถ้าไปมีความเห็นเหมือนกันหมด คงไม่ใช่ ซึ่งที่ตนระมัดระวัง การที่มีความคิดเห็นไม่เหมือนกัน มันถูกต้องหรือไม่ ไม่ถูกต้องด้วยความคิด​ โอเค​ แต่หากไม่ถูกต้องด้วยอามิสสินจ้าง มันไม่โอเค

เมื่อถามต่ออีกว่า วุฒิสภาขณะนี้เป็นตามฉายาหรือไม่ ที่รอวันครบวาระในเดือนพ.ค. 2567 นายพรเพชร​ กล่าวว่า​ คงไม่ถึงขนาดนั้น อาจจะพูดจาหลีกเลี่ยงไป เพื่อไม่ต้องตอบปัญหา​ เพื่อไม่ให้โดนด่า ก็เลยบอกว่าจะครบวาระอยู่แล้วอย่ามายุ่งกับพวกเรา

ส่วนเป็นเพราะแพ้เลือกตั้งพรรคการเมือง (พรรค 3 ป.แพ้)​ ใช่หรือไม่​ ทำให้ สว.ลดบทบาทลง​นั้น ไม่เกี่ยวกันแพ้ชนะ การที่พรรคการเมืองเข้ามา มีใครรู้ว่าจะแพ้หรือชนะ ตนยังไม่รู้เลย ตนอยู่บนบัลลังก์คิดไม่ถูกเลยว่า มันจะจบอย่างไร มันก็ไม่แปลก แต่ขอให้ดูต่อไป การเมืองก็เป็นแบบนี้​ มองว่าต้องได้เป็นรัฐบาล​ แต่ก็ไม่ได้เป็น ​พร้อมระบุว่าหากหมดหน้าที่แล้ว​ ตนคงจะพูดได้มากกว่านี้ก็ได้

เมื่อผู้สื่อข่าวย้อนถามว่า แสดงว่าเมื่อครบวาระแล้วจะมีการเปิดใจเล่าเบื้องลึกเบื้องหลัง การเมืองที่สื่อยังไม่รับรู้ใช่หรือไม่​ นายพรเพชร​ ระบุว่า หากเรื่องอะไรที่กระทบก็ไม่กล้าพูดเหมือนกัน ตนพูดก็คงไม่มีใครฟัง​ ขอให้รอฟังอาจารย์วิษณุไปเรื่อยๆ ตนเป็นอะไรแกก็คงไปเขียน​ ส่วนในปีหน้าที่วุฒิสภาจะครบวาระ ก็ยังคงทำหน้าที่จนกว่าจะครบวาระ เพราะเป็นหน้าที่ไม่ใช่ว่าอยากเป็นแล้วไม่ยอมเลิก การทำหน้าที่มีหลายอย่างตามบทเฉพาะกาลก็หมดไปแล้ว

 

"เพราะบทเฉพาะการเป็นอำนาจพิเศษ ซึ่งในเรื่องของกฎหมาย ผมเรียนและทำงานด้านกฎหมายมาตั้งแต่เด็ก ๆ ก็อยากได้กฎหมายดี ๆ แต่บางทีการเป็นประธานวุฒิสภา​ ก็พูดอะไรไม่ค่อยได้ ความลำบากของประธาน ถ้าเป็นสมาชิกธรรมดาพูดได้ พร้อมย้ำว่าถ้าผมรีไทร์ไปแล้ว ก็จะพูดในสิ่งที่คิด ดังนั้น ในช่วงที่เหลืออยู่ก็จะทำต่อไปไม่มีวันหยุด" ประธานวุฒิสภา กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์นายพรเพชร กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้ตนจะยังรับโทรศัพท์สื่อมวลชน แต่ตอนนี้น่ากลัวไปหมด มิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมา

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า นายพรเพชรไม่ใช่แจ๋วใช่หรือไม่ นายพรเพชรถึงกับหัวเราะก่อนจะกล่าวย้ำว่า "ย้ำอยู่นั่นแหละเรื่องแจ๋ว" และตนยังไม่ได้ไปอ่าน ไม่โกรธ​ เมื่อก่อนว่าแรงกว่านี้ ก็ไม่โกรธ​ จำได้ทุกปี​

ส่วนฉายานายวันมูหะมัดนอร์ เป็นไปตามวิถีทาง​ ไม่ว่าปรากฏมากี่ครั้ง​ที่เสียงข้างน้อยได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่เช่นนั้นทุกคนก็โดนว่าหมด เช่น "นายอุทัย​ พิมพ์ใจชน"​ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่าเลือกนายวันนอร์​ เพื่อให้พรรคก้าวไกลยอม​รับ​ นายพรเพชร​ กล่าวต่อว่า​ มันก็ลักษณะอย่างนั้นแหละ​


 

 

logoline