1 พฤศจิกายน 2566 "นายเศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยภายหลังโทรศัพท์หารือกับ "นายเบนจามิน เนทันยาฮู" นายกรัฐมนตรีอิสราเอล โดยนายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียของคนไทย ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์และไม่มีส่วนรู้เห็น พร้อมยืนยันว่าจะทำเต็มความสามารถในการให้การช่วยเหลือตัวประกันของไทยให้ออกมาได้อย่างปลอดภัย โดยเร็วที่สุด
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีอิสราเอลยังได้กล่าวว่า หากทางการไทยมีอะไรให้ต้องการขอความช่วยเหลือก็ขอให้ประสานมา ซึ่งตนได้กล่าวกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอลว่า ขณะนี้คนไทยแจ้งความประสงค์ในการเดินทางกลับเกือบทั้งหมดแล้ว แต่หากมีคนไทยประสงค์จะเดินทางกลับ ก็ขอให้ทางการอิสราเอลอำนวยความสะดวกให้ เนื่องจากหากมีการประสงค์ขอเดินทางกลับแสดงว่าสถานการณ์การสู้รบภายในอิสราเอลนั้นรุนแรงขึ้นอีก จึงจำเป็นต้องมีการขอความช่วยเหลือให้นำคนไทย มายังพื้นที่ปลอดภัย
นอกจากนี้ ยังมีการสอบถามถึงเดดไลน์การช่วยเหลือตัวประกันคนไทย ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีอิสราเอลกล่าวว่าขณะนี้ยังไม่มี ยังเจรจาอยู่ โดยตนยังร้องขอให้ทางการอิสราเอลดูแลคนไทยที่อยู่ในพื้นที่ให้ดีที่สุด และตนได้กล่าวย้ำไปว่า คนไทย 30,000 กว่าคน ที่อยู่ในอิสราเอล ไม่ได้ไปมีส่วนขัดแย้ง
"เราไปช่วยพัฒนาประเทศเขาในด้านการเกษตร ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีอิสราเอลก็เข้าใจ และไม่ได้มีข้อสงสัยว่าคนของเราไปทำอะไรที่ไม่เหมาะ ไม่ควร และหวังว่าคนไทยจะเดินทางกลับไปยังอิสราเอลอีกครั้ง หากทุกอย่างเรียบร้อยและลงตัว และทางอิสราเอลพร้อมที่จะอำนวยความสะดวก โดยหากมีความคืบหน้าท่านจะโทรมาบอกโดยตรง หรือหากมีการต่อรองที่ต้องมีการแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างท่านก็จะบอกมา ผมก็ได้บอกไปว่าเราเปิดหมดทุกอย่าง อะไรก็ได้ ขอให้นำคนไทยกลับบ้านโดยเร็วที่สุด และในช่วงค่ำของวันนี้ผมจะโทรหาไปยัง นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รมว.ต่างประเทศ ถึงความคืบหน้าหลังเดินทางไปเจรจาอย่างการ์ต้าและอียิปต์" นายเศรษฐา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าขณะนี้ไม่มีเรื่องนายจ้างจ่ายค่าแรงล่าช้าแล้ว เนื่องก่อนหน้านี้ ตนได้เน้นย้ำกับเอกอัครราชทูตไป ซึ่งเอกอัครราชทูตก็ยืนยันกลับมาแล้วว่าขณะนี้ไม่มีแล้ว