12 กันยายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงกรณีนายชวนหลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีและ สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายนโยบายรัฐบาล ว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติที่นายชวนได้ให้โอวาทน้อมรับ คำแนะนำข้อควรระวังที่ได้พูด ซึ่งนายชวนอาจจะรู้จักตนดีพอ เพราะนายชวนพูดชื่อผมผิดในตอนต้น
พร้อมกับระบุว่า เศรษฐาครับ ไม่ใช่ เชษฐา ได้กล่าวถึงพื้นหลังของตนให้สมาชิกได้ทราบว่าทำอะไรมาก่อน แม้ว่าตนจะเป็นนักธุรกิจมาก่อน ยืนยันว่าการที่มายืนตรงนี้มาอยู่ตรงนี้ ตนรักประเทศชาติ มีความต้องการที่จะเห็นประชาชน มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การที่เข้ามาดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ ได้มาอยู่ในในรัฐสภาอันทรงเกียรติ ตนมีความตั้งใจ มาด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง มาด้วยความตั้งใจที่จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ
นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยระบุว่า ตนเองมีความรู้ถึงปัญหาที่ประชาชนเผชิญอยู่ ซึ่ง 7,500 กว่าชีวิตได้สูญเสียไป 20 กว่าปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่ตนเองก็เศร้าใจ ตั้งแต่ก่อนเข้าสู่สนามการเมือง อย่าว่าแต่ 7,500 ชีวิต ที่ไม่ควรจะสูญเสีย 1 ชีวิตก็มากเกินไป เราเห็นตรงกันว่าความสูญเสียไม่ควรจะเกิดขึ้น
ส่วนวิธีการเข้าถึงปัญหาและความลึกของปัญหา อาจจะต่างกัน หรือวิธีการที่เราจะนำไปปฏิบัติต่อไปในอนาคต ตนมั่นใจว่ารัฐบาลที่มาจากประชาชน โดยพรรคร่วม 11 พรรค เราให้ความสำคัญกับสงบสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งการเลือกปฏิบัติก็เป็นเรื่องถกเถียงกันมานาน
นายเศรษฐา ยังระบุอีกว่า ตนเองเท่าที่เข้ามาในวงการการเมือง ก็ได้ยินอดีตนายกชวนกล่าวถึง การเลือกปฏิบัติ ตนคงไม่ไปถกเถียงกับท่าน ก็น้อมรับข้อความที่ท่านได้พูดมา แต่ตนก็มีข้อมูลเหมือนกัน ว่ารัฐบาลพรรคไทยรักไทย สมัยก่อนเกิดวิกฤตสึนามิขึ้นมา นายกฯสมัยนั้น นายทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ลงไปในพื้นที่ ดูแลประชาชนชาวภูเก็ตและพื้นที่ข้างเคียง อย่างเต็มความสามารถ จนทั่วโลกให้การชื่นชม
โดยการเลือกปฏิบัติต่อพื้นใดพื้นที่หนึ่งในประเทศไทย โดยผู้บริหารสูงสุดของประเทศถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่บังควร เราเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชนทั้งประเทศ ไม่ว่าจังหวัดนี้จะมีสส. ในพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ ก็เป็นความตั้งใจอันสูงสุดของตนในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่ต้องให้ความเป็นธรรมให้ความเสมอภาค และให้ความเท่าเทียมกับประชาชนคนไทยทุกคน
นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า ตั้งแต่ต้นยังไม่ได้รับอำนาจถึงที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน จังหวัดแรกที่ตนลงไปคือจังหวัดภูเก็ต แม้ว่าพรรคเพื่อไทย หรือพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีสส.เลยแม้กระทั่งคนเดียว ตนให้ความสำคัญ กับจังหวัดภูเก็ตกับพื้นที่ภาคใต้ ตนบอกว่าการกระทำเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ดีกว่าคำพูด และอีก 2 อาทิตย์ ตนจะลงไปตามงานอีก จากที่ได้ลงไปฟังงานมาวันนี้สั่งการได้แล้ว
โดยจะไปดูเรื่องโครงสร้างพื้นฐานในการสร้างสนามบินนานาชาติภูเก็ต ซึ่งทางทีมงานก็ได้มีการเสนอแนะมาว่าเพื่อเป็นความเข้าถึง ทั่วถึง เราไม่ควรใช้คำว่าสนามบินนานาชาติภูเก็ต เราอาจจะใช้คำว่า สนามบิน อันดามัน International ซึ่งจะครอบคุมไปถึง จังหวัดพังงา กระบี่ระยอง ซึ่งจังหวัดดังกล่าวไม่มี สส. เพื่อไทยอยู่แม้แต่คนเดียว