svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เปิดแฟ้ม 11 คดีฉาวยุค "บิ๊กเด่น" สั่นสะเทือนยุคมืดสีกากี

หากพูดถึง คดีฉาวยุค "บิ๊กเด่น" พบว่า มีหลากหลายเรื่องราวเกิดขึ้น จนกลายเป็นคดีดังสะเทือนวงการกากี ระดับประเทศแทบทั้งสิ้น "เนชั่น" รวมรวมคดีต่าง ๆ ในยุคมืดให้ได้เห็นชัด ๆ ว่ามีอะไรบ้าง

1. "ฆ่าหมู่หนองบัวลำภู" คดีสะเทือนขวัญไปทั่วโลก เพราะมีผู้เสียชีวิตมากถึง 37 คน และในจำนวนนี้เป็นเด็กถึง 24 คน

เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ต.ค.65 มือยิงเป็นอดีตตำรวจ ยศ ส.ต.อ. มีแรงจูงใจมาจากความเคียดแค้นที่ถูกไล่ออกจากราชการ ประกอบกับที่ผ่านมามีอาการหลอนยาจากการเสพยาบ้า หลังเกิดเหตุมีกระแสเรียกร้องให้ควบคุมอาวุธปืน โดยเฉพาะปืนโครงการสวัสดิการของตำรวจ ที่ทำโครงการเยอะมาก ปืนกระจายจำนวนมากในท้องตลาด แต่สุดท้ายกลับเงียบไป

"ผบ.ตร." ให้เหตุผลว่า อาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุซื้อมาถูกต้อง คาดว่าผ่านโครงการสวัสดิการตำรวจ ซึ่งแม้จะถูกไล่ออกจากราชการ แต่ถือว่ามีใบอนุญาตใช้เป็นของส่วนตัวไปแล้ว

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมในขณะนั้น บอกว่า ต้องถอดบทเรียน พร้อมวางมาตรการเร่งด่วน ป้องกันเหตุซ้ำในอนาคต ยกให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน เป็นวาระแห่งชาติ แต่สุดท้ายก็แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรม

2. "แจกบัตรเบ่งนักค้ายา" นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าร้องทุกข์กับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. ให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.แวสาแม สาและ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส (ตำแหน่งในขณะนั้น)

โดยอ้างหลักฐานว่ามีการออกบัตร และลงลายมือชื่อให้กับผู้ต้องหาคดียาเสพติด แล้วมีการนำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ให้เกรงกลัวอิทธิพลต่อผู้ที่ถือบัตร (เรียกว่า บัตรเบ่งนักค้ายา) จากนั้น วันที่ 19 ต.ค.65 ผบ.ตร. ลงนามเซ็นคำสั่งย้าย “ผู้การนราธิวาส” ออกนอกพื้นที่ ให้ขาดจากตำแหน่งเดิม และให้ตั้งกรรมการสอบสวน แต่ภายหลัง พล.ต.ต.แวสาแม ก็ได้ย้ายเป็นผู้บังคับการในหน่วยอื่น และยังปฏิบัติหน้าที่อยู่จนถึงปัจจุบัน

3. "คาร์บอมบ์แฟลตตำรวจกลางเมืองนราธิวาส" เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 พ.ย.65 มีผู้เสียชีวิต 1 นาย เป็นรองสารวัตรจราจร (สว.จร.) สภ.เมืองนราธิวาส และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 16 ราย

หลังเกิดเหตุ "ผบ.ตร." บินด่วนลงใต้หลายครั้ง ทั้งตรวจเยี่ยมจุดเกิดเหตุ ให้กำลังใจกำลังพล จากนั้น วันที่ 2 ม.ค.66 ได้บินลงพื้นที่เพื่อแถลงข่าวจับ 2 มือระเบิดคาร์บอมบ์แฟลตตำรวจ พิสูจน์ทราบรู้ตัวบุคคลที่ร่วมกระทำผิดแล้ว 9 คน จนศาลอนุมัติหลายจับ แต่ตำรวจจับกุมได้ 2 ราย ส่วนอีก 7 รายอยู่ระหว่างการติดตามจับกุม

4. "คดีผับจิ้นหลิง นายทุนจีนเทา" เมื่อกลางดึกของวันที่ 26 ต.ค.65 ตำรวจนครบาลนำกำลังเข้าตรวจค้น “ร้านจินหลิง” ผับลับชาวจีนย่านยานนาวา กรุงเทพฯ โดยอ้างว่าได้รับแจ้งถึงการเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต มีการมั่วสุมยาเสพติด และลักลอบเล่นการพนัน ภายหลังมีการขยายผลดำเนินคดีกับตำรวจที่ให้ความช่วยเหลือ “นายตู้ห่าว” นายทุนจีนเทา และมีการปล่อยรถหรูของกลางคืนเจ้าของ

เรื่องนี้ฮือฮากลายเป็นมหากาพย์ เมื่อ “จอมแฉ” ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาเปิดโปงว่า ธุรกิจนี้คือ “ผับศูนย์เหรียญ” ที่เจ้าของเป็นคนจีน สินค้าทุกอย่างมาจากจีน แม้แต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ หรือแม้แต่เด็กเสิร์ฟ ประเทศไทยไม่ได้อะไรเลย นอกจากเป็นแหล่งมั่วสุมของคนจีน

"ผบ.ตร." ยังถูกนายชูวิทย์แฉว่า กลัวอิทธิพล “ตู้ห่าว” ในคดีผับจินหลิง ซึ่งมีนายตำรวจถูกให้ออกจากราชการหลายราย หลังพบว่าเกี่ยวข้องกับคดีนายทุนจีนเทา

แต่จากการทำคดีของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และการอำนวยการของ ผบ.ตร. สุดท้ายสามารถสั่งฟ้อง “ตู้ห่าว” พร้อมพวก และไม่ได้ประกันตัว  

5. "ตำรวจห้วยขวาง ตั้งด่านรีดเงินนักท่องเที่ยวต่างชาติ" คือ “อันยู๋ชิง” ดาราไต้หวัน โดยเจ้าตัวออกมาเปิดเผยข้อมูลที่อ้างว่าถูกตำรวจไทยรีดไถเงิน 27,000 บาท ขณะเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย ดาราไต้หวันอ้างว่าโดนตำรวจนำบุหรี่ไฟฟ้ามายัดใส่มือเธอแล้วถ่ายรูป เรื่องเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 4 ม.ค.66 แต่ทางตำรวจไทยได้ออกมาปฏิเสธกรณีดังกล่าว จนเกิดประเด็นดรามา ระหว่างดาราสาวชาวไต้หวัน กับตำรวจไทย

ภายหลังมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน และดำเนินคดีกับตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งทางวินัยและอาญา เนื่องจากมีหลักฐานการเรียกรับสินบนจริง สร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของตำรวจไทยและประเทศไทยที่กำลังเปิดการท่องเที่ยวหลังผ่านพ้นวิกฤติโควิดอย่างมาก

6. "คดีสารวัตรซัว" จอมแฉ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉแก๊งพนันออนไลน์ โยงแก๊งตำรวจ และฟอกเงินผ่านกิจการอาบอบนวด โดยการเปิดโปงเรื่องนี้เกิดขึ้นช่วงต้นเดือน ก.พ.66

กระทั่งวันที่ 10 ก.พ. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งให้ พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล หรือ “สารวัตรซัว” สารวัตรฝ่ายโยธาธิการ 2 กองโยธาธิการ สังกัด กองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง ออกจากราชการไว้ก่อน หลังโดนแฉเป็นเจ้าของกิจการพนันออนไลน์รายใหญ่ มีเงินหมุนเวียนกว่าหมื่นล้าน และยังมีการเปิดข้อมูลเชื่อมโยงตำรวจน้อยใหญ่อีกหลายคน แต่ไม่มีความคืบหน้าทางคดี และจนถึงขณะนี้ “สารวัตรซัว” ก็ยังลอยนวล

7. "คดีรีด 140 ล้าน" วันที่ 16 มิ.ย.66 พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี (ตำแหน่งในขณะนั้น) พร้อมพวก ถูกแจ้งความในคดีเกี่ยวข้องรีดทรัพย์เว็บพนัน เป็นเงินถึง 140 ล้านบาท และเป็นที่มาของประโยคอันลือลั่น “เป้รักผู้การเท่าไหร่ เป้เขียนมา”

เรื่องอื้อฉาวนี้พบว่ามีผู้ร่วมขบวนการ 10 คน เป็นตำรวจ 8 นาย พลเรือน 2 ราย จากนั้นวันที่ 19 มิ.ย. "ผบ.ตร." มีคำสั่งย้ายผู้การชลบุรี ขณะนี้ยังไม่ทราบความคืบหน้าว่าคดีไปถึงไหนแล้ว 

8. "ระเบิดโกดังเก็บพลุ ดอกไม้ไฟ ที่ตลาดมูโนะ" อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 29 ก.ค.66 หลังเกิดเหตุมีการแฉว่าตำรวจเก็บส่วย ทำให้สามารถเปิดโกดังเก็บวัตถุไวไฟล็อตใหญ่กลางชุมชนได้ โดยต้องจ่ายเงินให้ตำรวจเดือนละ 3-5 หมื่นบาท

ต่อมา "ผบ.ตร." มีคำสั่งย้ายข้าราชการตำรวจ สภ.มูโนะ 4 ราย โดยเฉพาะ “ดาบฟาโรห์” แต่จนถึงขณะนี้เรื่องยังเงียบ ไม่มีใครรู้ว่าผลสอบถึงไหนแล้ว มีเพียงปากคำจากชาวบ้านมูโนะว่า ตำรวจที่โดนย้ายเป็นแค่ “แพะ” และเป็นตำรวจปลายแถว เนื่องจากเก็บส่งนาย แต่ผู้บังคับบัญชาไม่โดนอะไร และมีการแจ้งพ่อค้าแม่ค้าที่เคยจ่ายส่วยว่า ช่วงนี้หยุดชั่วคราว อย่าขนของผิดกฎหมาย รอเรื่องเงียบค่อยว่ากันใหม่

9. "คาร์บอมบ์สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส" หลังระเบิดโกดังที่มูโนะ 7 วัน มีคาร์บอมบ์ครั้งรุนแรงกลางเมืองสุไหงโก-ลก นับว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ หรือ “บิ๊กเด่น” เป็น ผบ.ตร.ที่โดนคาร์บอมบ์ 2 รอบในห้วงเวลาไม่ถึง 1 ปี

10. "แฉยับแสนสิริฯ" วันที่ 3 ส.ค.66 “ชูวิทย์” เจ้าเดิม ออกมากล่าวหา บริษัทแสนสิริฯ ใช้นอมินีในการซื้อขายแปลงสวยย่านทองหล่อ มีการโยงชื่อ “บิ๊กตำรวจ” เป็นผู้ถือหุ้นบริษัท รปภ.ที่โยงกับบุคคลที่เป็ฯ “นอมินี” ทำนิติกรรมอำพราง 

ต่อมา 17 ส.ค. "ชูวิทย์" เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยื่นคำร้องกล่าวโทษต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์เป็นนอมินีซื้อขายที่ดิน ในข้อหาทำเอกสารอันเป็นเท็จ จัดตั้งบริษัทนอมินี และฟอกเงิน แต่ขณะนี้เรื่องเงียบไป รวมทั้งกรณีบิ๊กตำรวจ ถือหุ้นในบริษัท รปภ.ด้วย

11. "กำนันนก นครปฐม" ล่าสุด 6 ก.ย.66 ก่อนที่ “บิ๊กเด่น” จะเกษียณเพียงไม่ถึง 1 เดือน เกิดเหตุอุกอาจ ยิงตำรวจระดับสารวัตรทางหลวง คาบ้าน “กำนันนก”

งานนี้ส่อเค้าบานปลายเมื่อพบหลักฐานว่า มีตำรวจไปอยู่ในบ้านผู้มีอิทธิพลเมืองพระปฐมเจดีย์กว่า 20 คน มีการตั้งคำถามว่าเข้าไปทำอะไร แค่ร่วมงานเลี้ยงจริงหรือไม่ และเหตุใดหลังเกิดเหตุจึงไม่มีความพยายามระงับเหตุ ซ้ำยังมีข่าวช่วยผู้กระทำผิดเก็บหลักฐานกล้องวงจรปิด และดัดแปลงที่เกิดเหตุ

ล่าสุดปืนที่ใช้ยิงสารวัตรทางหลวง เป็นปืนตำรวจ เป็นปืนโครงการสวัสดิการ (อีกแล้ว) เพิ่งซื้อมาไม่ถึง 3 เดือน แต่ไปอยู่ในมือ “ลูกน้องกำนันนก” และปืนนั้นถูกใช้ยิงตำรวจเสียชีวิต

ทั้งหมดคือ 11 เรื่องฉาวที่เกิดขึ้นในยุค “ผบ.เด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ เป็น ผบ.ตร. ซึ่งเกือบทุกเรื่อง เกี่ยวพันกับพฤติการณ์ของตำรวจที่ไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย เรียกรับสินบน คบหาผู้มีอิทธิพล นำมาสู่ความรุนแรงและความสูญเสียตามมามากมาย

1 ปีที่ผ่านมานี้จึงถือเป็น “ยุคมืด” ของวงการตำรวจไทยจริงๆ