เรื่องนี้เราไม่ได้กล่าวหา"นายทักษิณ" แต่ต้องยอมรับว่าประเทศของเรานั้นขึ้นชื่อเรื่อง “คนไม่เท่ากัน” และ “เงินซื้อได้ทุกอย่าง” การแฉข้อมูล “สิทธิพิเศษสารพัด” ไม่เว้นแม้แต่ในคุก ในเรือนจำ เป็นเรื่องที่พูดกัน วิจารณ์กัน จนกลายเป็นเรื่องปกติ ปนขบขัน ตลกร้าย
“เนชั่นทีวี” มี “คัมภีร์อภิสิทธิ์ชน” มานำเสนออีกครั้งหนึ่ง ไม่ได้กล่าวหาใคร แต่ที่ผ่านมามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ ในบ้านเรา หากจำเลยเป็นผู้มากบารมี ร่ำรวยเงินทอง ไม่ใช่ชาวบ้าน หรือลูกตาสีตาสา ยายมียายมา
5. อาการป่วยจะกำเริบ และพบหลายโรคมากขึ้น โดยเน้นโรคโรงพยาบาลราชทัณฑ์รักษาไม่ได้ หรือไม่มีแพทย์เฉพาะทาง
จุดนี้น่าแปลกหรือไม่ที่"โรงพยาบาลราชทัณฑ์" ซึ่งต้องดูแลนักโทษ และผู้ต้องขังจำนวนมาก กลับมีหมอไม่ครบทุกสาขา เช่น ต้อหิน ต้อกระจก และโรคเกี่ยวกับตา คุณ"จตุพร พรหมพันธุ์" อดีตศิษย์เก่าเรือนจำ บอกว่าโรคแบบนี้ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ขาดแคลนหมอ
6. เมื่อโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีหมอเฉพาะทาง เฉพาะโรค ก็ต้องส่งไปโรงพยาบาลอื่น ที่ไม่ใช่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ลำดับถัดมาจะเป็นโรงพยาบาลตำรวจ
ซึ่งที่โรงพยาบาลตำรวจมีห้องรับรองพิเศษ สะดวกสบาย
หากยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าว “เสี่ยเปี๋ยง” จำเลยคนสำคัญในคดีทุจริตจำนำข้าว ไปนอนรักษาตัวที่นั่น แถมมีข่าวเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลก็ชื่นชอบ อยากรู้เหตุผล ลองไปถามกันดูเอง
7. อยู่โรงพยาบาลตำรวจสักพัก พอเรื่องเงียบ อาจย้ายต่อไปโรงพยาบาลเอกชน ให้สบายยิ่งขึ้น โดยอ้างเหตุผลเรื่องหมอผู้เชี่ยวชาญ
8. ระหว่างที่ย้ายไปย้ายมาหลายโรงพยาบาล เวลาในการจำคุกต้องนับต่อไปเรื่อยๆ คือยังถือว่ารับโทษจำคุกอยู่ และโทษจะลดลงเรื่อยๆ ตามวันที่อยู่ในความควบคุม และรักษาตัว
9. การคำนวณโทษ หากอายุเกิน 70 ปี เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ติด 1 เดือน ลด 5 วัน หรือ บำเพ็ญประโยชน์ 1 วัน ลด 1 วัน
เงื่อนไขต้องรับโทษ 1 ใน 3 ก่อน มีการตีความแบบ “ดิ้นได้” ที่ผ่านมาก็เคยมีตัวอย่างมามากมาย เข้าไปแป๊บเดียว ออกมาแล้ว อ้างสุขภาพ อ้างลดโทษคดีหลัก ทำให้โทษ 1 ใน 3 ลดตามไปด้วย ฯลฯ
10. พักโทษออกมา ติดกำไลอีเอ็มไปอยู่บ้าน หรือหาช่องใช้สถานที่อื่นเป็นที่คุมขังแทน