"ทักษิณกลับบ้าน" วันแห่งความรัก ดั่งเทพนิยาย "หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า"

"เดิมผมกำหนดกลับวันที่ 31 ก.ค. แต่รัฐบาลกำหนดให้เป็นวันหยุด ผมจึงเลื่อนมาเป็นวันที่ 10 ส.ค. แต่มีคนไปดูฤกษ์ดูยาม ให้เป็นวันที่ 22 ส.ค. เขาบอกว่าเป็นวันดี ซึ่งผมไม่เชื่อ แต่ไม่อยากขัดใจ อยากให้ทุกคนรักกัน อยากให้บ้านเมืองสงบ"

"ทักษิณ ชินวัตร"อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบีบีซีเมื่อวันที่  19 สิงหาคม 2566 

นับเป็นการตอกย้ำอีกครั้งพร้อมกับยืนยันด้วยว่า"ไม่เพ้อเจ้อ" เมื่อ " อุ๊งอิ๊งค์" แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว "ทักษิณ  ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาโพสต์ข้อความเมื่อเช้าวันที่ 19 สิงหาคม "วันอังคารที่ 22 ส.ค. เวลา 09.00 น. ณ  ดอนเมือง จะไปรับคุณพ่อทักษิณค่ะ"

การส่งสัญญาณ"ทักษิณกลับบ้าน" มีมามากกว่า 10 ครั้ง  แต่สำหรับการโพสต์ของ"อุ๊งอิ๊งค์"รอบล่าสุด มีแนวโน้มเป็นจริง เพราะนอกจากระบุ วัน ว. เวลา น. ชัดเจน หากแต่ก่อนโพสต์รอบนี้ ปรากฎเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา "อุ๊งอิ๊งค์" เคยส่งซิกแล้วว่า คุณพ่อขอเลื่อนเดินทางเพื่อตรวจสุขภาพตามที่แพทย์นัดให้เรียบร้อยก่อนจะมาถึงคำยืนยันอีกครั้งเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 

ขณะที่ช่วงเย็นของวันเดียวกัน "เอม-พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์" บุตรสาวของนายทักษิณอีกคนหนึ่ง ได้โพสต์ภาพบรรยากาศ นายทักษิณ พร้อมหน้าพร้อมตาด้วยหลานๆ ทั้ง 4 คน ได้แก่ เอมิ, นานิ, วาคิณ และธิธาร รวมถึงลูกเขยทั้งสองคน คือ ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ และ ปอ ปิฎก สุขสวัสดิ์

พร้อมกันนี้ "เอม-พินทองทา" ยังได้โพสต์ข้อความระบุด้วยว่า “คุณตา กับ 2 เขย และวิ่งจับหลาน ๆ ที่สนามบินดูไบ #ตาตามมารับเราตลอดแทบทุกครั้ง คราวนี้เรารอพร้อมรับคุณตากลับบ้านเรานะคะ

หากมองในเชิงการเมือง มิอาจปฏิเสธได้ว่า เหตุของความมั่นใจที่ทำให้"ทักษิณ"ตัดสินใจเดินทางกลับเมืองไทยในวันที่ 22 สิงหาคม เป็นผลมาจาก "พรรคเพื่อไทย"สามารถดีลลับและดีลในที่แจ้งกับพันธมิตรพรรคการเมืองทั้งหลายลงตัวเรียบร้อยแล้ว  สามารถสะสมเสียงสนับสนุนโหวตนายกฯของ"พรรคเพื่อไทย" ในการประชุมรัฐสภาวันที่ 22 สิงหาคมให้ผ่านไปได้ รวมถึงการจัดตั้งรัฐบาลจัดสรรโควต้ารัฐมนตรีกันอย่างลงตัว เมื่ออำนาจรัฐกำลังอยู่ในมืออีกแค่เอื้อม ก็ย่อมเป็นสัญญาณไปถึง"คนแดนไกล"ได้กลับบ้านอย่างสะดวกทุกเส้นทาง

มีรายงานว่า ขณะนี้"ทักษิณ" และ"น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกฯ ได้เดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวออกจากนครดูไบแล้ว เพื่อเดินทางมาพำนักยังประเทศสิงคโปร์ โดยจะเดินทางมาถึงสิงคโปร์วันที่ 19 สิงหาคม

ทั้งนี้ "ทักษิณ" และ "น.ส.ยิ่งลักษณ์" จะพักอยู่ประเทศสิงคโปร์เป็นเวลา 2 วัน ก่อนที่"ทักษิณ" จะเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวเข้าประเทศไทยตาม โดยลงที่สนามบินดอนเมือง ตามที่"แพทองธาร" ได้โพสต์แจ้งไว้

อย่างไรก็ตาม มีรายงานด้วยว่า "พานทองแท้ ชินวัตร" บุตรชาย พร้อมด้วย"บรรณพจน์ ดามาพงศ์" พี่ชาย "คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์" เดินทางไปหา"ทักษิณ" ที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อรอเดินทางกลับเข้ามาประเทศไทยพร้อมกันในวันดังกล่าวด้วย โดยจะมี "แพทองธาร" และครอบครัว มารอรับที่ดอนเมืองด้วย

อีกด้านมิอาจมองข้ามในมุมความเชื่อทางโหราศาสตร์ 

"เดิมผมกำหนดกลับวันที่ 31 ก.ค. แต่รัฐบาลกำหนดให้เป็นวันหยุด ผมจึงเลื่อนมาเป็นวันที่ 10 ส.ค. แต่มีคนไปดูฤกษ์ดูยาม ให้เป็นวันที่ 22 ส.ค. เขาบอกว่าเป็นวันดี ซึ่งผมไม่เชื่อ แต่ไม่อยากขัดใจ อยากให้ทุกคนรักกัน อยากให้บ้านเมืองสงบ"

"ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบีบีซี
19 สิงหาคม 2566 ด้วยการออกตัวว่า ที่ต้องกลับวันที่ 22 สิงหาคม เพราะมีคนบอกว่า เป็นวันดี แต่ตนเองไม่เชื่อแต่ก็ไม่อยากขัดใจ 

ก่อนหน้านี้ "เนชั่นทีวี" เคยนำเสนอไปแล้วรอบหนึ่งเกี่ยวกับวันดีที่"ทักษิณ"จะกลับบ้าน โดยพิจารณาจาก"ปฏิทินล้านนา" พบว่า ฤกษ์งามยามดีที่"ทักษิณ" จะกลับเมืองไทยมี 2 วันโดดเด่น 

"วันที่ 23 สิงหาคม ที่มีวันภัทราดิถี เหมาะแก่การเจรจาขึ้นศาล และวันที่ 29 สิงหาคม ที่มีวันไชยาดิถี เหมาะในการต่อสู้คดีความ จึงอาจเป็นฤกษ์งามยามดีของคุณทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ที่จะมีกำหนดเดินทางกลับประเทศ ก็เป็นไปได้" 

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง >>>

• ส่องปฏิทินล้านนากำหนดฤกษ์ทักษิณกลับบ้าน
• ตำรวจเตรียมความพร้อมรับ "ทักษิณ" ไม่กังวลใจใช้แผนเดิมตามปกติ

"ปฏิทินล้านนา" ไม่ระบุ วันที่ 22 สิงหาคม เนื่องจากวันดังกล่าวตรงกับวันไหม้ เป็นวันเผาผลาญวอดวาย แต่การที่"ทักษิณ" เลือกกลับ วันที่ 22 สิงหาคม อาจเป็นไปได้ว่า เป็นฤกษ์ดีตามที่มีคนแนะนำทักษิณ

ท่ามกลางคำถาม ผู้แนะนำว่า วันที่ 22 สิงหาคม เป็นฤกษ์ดีนั้น มาจากปฏิทินใด

ทั้งนี้ เมื่อไปพิจารณาจาก"ปฏิทินจีน" พบว่า วันอังคารที่ 22 สิงหาคม ตรงกับวัน 7 ค่ำเดือน 7 ตามความเชื่อของชาวจีน ถือว่าเป็น "วันดี" โดยชาวจีนจะกำหนดให้เป็นวันแห่งความรัก ตามภาษาจีน เรียกว่า "เทศกาลชิซี" บ้างก็เรียกว่า "เทศกาลแห่งการเย็บปักถักร้อย" และ "เทศกาลของหญิงสาว" ถึงกับมีการจัดเทศกาลสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น 

ความน่าสนใจมากไปกว่านั้น มีการเล่าขานกันเป็นตำนานเกี่ยวกับเทพนิยาย ความรักของ"หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า"

ความเป็นมาของเทศกาลนี้มาจาก เรื่องราวความรักของหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้าที่มาเจอกันตรงสะพานนกสี่เชว่ ในวันแรม 7 ค่ำเดือน 7 ของทุกปี ในวันนี้จะมองเห็นดวงดาวสว่างไสวระยิบระยับของตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งก็คือ "ดาวหนุ่มเลี้ยงวัว" （牛郎） และอีกด้านหนึ่งของฟากฟ้าทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ก็จะมีดวงดาวส่องสว่างถึงกัน ดาวนั้นก็คือ "ดาวสาวทอผ้า"（织女）นั่นเอง

ในคืนแรม 7 ค่ำเดือน 7 นี้เหล่าสาวน้อยและหญิงสาวที่แต่งงานแล้ว จะพากันไหว้ดาวหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า ในสมัยโบราณ เหล่าหญิงที่แต่งงานแล้วจะนำด้ายมาสนเข็มทั้งหมด 7 เล่ม ซึ่งต้องสนเข็มอย่างรวดเร็ว อันเป็นความหมายที่แสดงถึงฝีมือในการทอผ้าพัฒนาและมีความประณีตละเอียดอ่อนมากขึ้น บ้างก็มีหญิงสาวจับแมงมุมใส่ไว้ในกล่อง รอวันรุ่งขึ้นเปิดกล่องดู ถ้าปรากฏว่าแมงมุมตัวนั้นชักใยแมงมุม ยิ่งหนายิ่งทึบนั้นยิ่งดี เพราะหมายถึง ฝีมือการเย็บปักถักร้อยของนางจะยิ่งประณีตละเอียดอ่อนมากขึ้น

สาวทอผ้าเป็นลูกสาวของซีหวังมู่ มีอยู่วันหนึ่งได้เดินทางมายังโลกมนุษย์และได้พบกับหนุ่มเลี้ยงวัว ทั้งสองคนต่างมีความรักให้แก่กัน จึงตกลงใจแต่งงานกัน จากนั้น จึงให้กำเนิดลูกชายลูกสาวอย่างละคน ต่อมา พระชนนีได้นำตัวสาวทอผ้ากลับไปยังตำหนักบนสวรรค์ หนุ่มเลี้ยงวัวไล่ตามหาสาวทอผ้าจนถึงสวรรค์ แต่ได้ถูกเส้นทางช้างเผือกกั้นเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถข้ามไปหานางได้ นกสี่เชว่ที่ต่างเห็นอกเห็นใจในหนุ่มเลี้ยงวัว จึงรวมตัวกันกลายเป็นสะพานนกสี่เชว่ทุกเดือน 7 ของปี เพื่อเป็นสะพานให้ทั้งสองได้มาพบกันในทุกๆ ปี

ดังนั้น การเดินทางกลับของ"ทักษิณ" ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ จะเป็นเพราะตรงกับ"วันแห่งความรักชาวจีน" แล้วใครเปรียบเป็น"หนุ่มเลี้ยงวัว" ส่วนใครเปรียบเป็น"สาวทอผ้า" หรือใครจะร่วมกันเป็นสะพานทอดทางเชื่อมทางช้างเผือก ให้บุคคลทั้งสองได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ก็แล้วแต่จะพิจารณา

อ้างอิงข้อมูล : http://thai.chinese.cn/chineseculture//article/2013-07/11/content_503775.htm