svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"รัฐบาลขั้วผสมซ้ายกลาง" ข้อเสนอและทางออกของประเทศ โดย"พลเดช ปิ่นประทีป"

13 สิงหาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

รัฐบาลที่พึงประสงค์ในสถานการณ์เช่นนี้ คงไม่ใช่รัฐบาล "ซ้ายสุดขั้ว" หรือ "ขวาอนุรักษ์" ที่ตั้งป้อม ห้ำหั่นเช็คบิลอีกฝ่ายหนึ่ง ทำสังคมแตกแยกมากไปกว่านี้  หากควรเป็นรัฐบาล"ขั้วผสมซ้ายกลาง" ติดตามในเจาะประเด็น โดย "พลเดช ปิ่นประทีป"

ผลพวงจากการแบ่งขั้วแยกฝ่ายกันอย่างรุนแรง โจมตีด้อยค่าคู่แข่งทางการเมืองอย่างไม่ลืมหูลืมตาเพียงเพื่อเอาชนะการเลือกตั้ง เมื่อถึงเวลาต้องรวบรวมเสียงสมาชิกรัฐสภา

ฝ่ายผู้ชนะยังคงใช้วิธีแบ่งแยกอย่างรังเกียจ(discriminate)  ยกตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ดูหมิ่นเหยียดหยามอีกฝ่ายว่าเป็นพวกสืบทอดอำนาจเผด็จการ ทำพิธีลงนามความร่วมมือ 8 พรรค ประกาศก้องว่าจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล เดินหน้าเปลี่ยนแปลงประเทศแบบขุดรากถอนโคน อย่างย่ามใจ 

\"รัฐบาลขั้วผสมซ้ายกลาง\" ข้อเสนอและทางออกของประเทศ โดย\"พลเดช ปิ่นประทีป\"

จากภาพรวมผลการเลือกตั้ง สส.2566  อาจวิเคราะห์เปรียบเทียบตำแหน่งของจุดยืนทางการเมือง นโยบายและแนวทางการทำงานของพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้ง จากซ้ายสุดไปสู่ขวาสุด (พร้อมจำนวนที่นั่งในสภา) 

พรรคก้าวไกล (151), พรรคประชาชาติ (9),พรรคเป็นธรรม(1), พรรคเพื่อไทย (141), พรรคเพื่อไทยรวมพลัง(2),พรรคไทยสร้างไทย(6), พรรคเสรีรวมไทย(1), พรรคประชาธิปัตย์(25), พรรคชาติไทยพัฒนา(10), พรรคภูมิใจไทย(71), พรรคพลังประชารัฐ(40) และพรรคร่วมไทยสร้างชาติ(36) รวมทั้งพรรคขนาดจิ๋วอื่นๆอีกจำนวนหนึ่ง  
ผ่านการเลือกตั้ง สส.2566 มายาวนานกว่า 2 เดือน ได้ประธานรัฐสภาคนใหม่แล้ว เปิดประชุมรัฐสภาไปหลายครั้ง แต่ยังเลือกนายกรัฐมนตรีกันไม่ได้ 

แฟ้มภาพ  พรรคเพื่อไทย แถลง จัดตั้งรัฐบาล โดยอ้างว่า ไม่ใช่เป็นการข้ามขั้วแต่เป็นการสลายขั้ว

ฝ่ายชนะ 2 พรรคใหญ่ที่อยู่สุดทางซีกซ้ายได้รับโอกาสจัดตั้งรัฐบาลก่อน ด้วยการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีให้ที่ประชุมรัฐสภาโหวตรับรอง แต่จนแล้วจนรอด ยังไม่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากในรัฐสภาได้เสียที เพราะทุกก้าวย่างล้วนมีปมปัญหาและอุปสรรค ทั้งยังต้องมนต์สะกดของตัวเองจนก้าวขาไม่ออก 

ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ม.112 และคำประกาศสาธารณะในช่วงการหาสียงที่ว่า "มีลุง ไม่มีเรา" รวมทั้ง MOU กลายเป็นการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มพรรคการเมือง 312 เสียงกับ 188 เสียง ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมย้ายข้างหรือเปลี่ยนจุดยืนทางการเมือง

พิธา  ลิ้มเจริญรัตน์  หัวหน้าพรรคก้าวไกล  ซึ่งได้รับเสียงสนับสนุนไม่ผ่านเกณฑ์เป็นนายกร้ฐมนตรี
เมื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและสูตรการจัดตั้งรัฐบาล "ซ้ายสุดขั้ว" ถูกรัฐสภาตีตกไปแล้วสองครั้ง ตราสังข์ที่ผูกมัดแนวร่วม 8 พรรคควรจบไปแล้ว ความพยายามที่จะดันข้อเสนอรัฐบาลสูตรเดิมกลับเข้ามาใหม่โดยเปลี่ยนจากปกสีส้มเป็นปกสีแดง ผลการโหวตก็คงไม่แตกต่างไปจากเดิม 

การแยกขั้วแบ่งฝ่ายโดยมุ่งหมายเอาชนะคะคานกันแบบเด็กเล่นเรือนน้อย หรือ การเจ้าคิดเจ้าแค้นกันแบบไม่ลืมหูลืมตาจนบ้านเมืองไม่มีทางออก ล้วนไม่เป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ ทั้งยังเกิดผลเสียและทำลายโอกาสประเทศอย่างไม่น่าให้อภัย
 

ข้อเสนอแนะ

1.รัฐบาลที่พึงประสงค์ในสถานการณ์เช่นนี้ คงไม่ใช่รัฐบาล"ซ้ายสุดขั้ว" หรือ "ขวาอนุรักษ์" ที่ตั้งป้อม ห้ำหั่นเช็คบิลอีกฝ่ายหนึ่ง ทำสังคมแตกแยกมากไปกว่านี้  หากควรเป็นรัฐบาล"ขั้วผสมซ้ายกลาง" ที่นำโดยพรรคจากฝั่งซ้ายที่ได้รับการยอมรับและน่าเชื่อถือว่าจะสามารถนำพาประเทศให้ก้าวข้ามพ้นความขัดแย้งที่ยืดเยื้อเรื้อรัง ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วขึ้น สร้างบรรยากาศของการสมานฉันท์ปรองดองและฟื้นฟูความรักสามัคคีของคนในชาติ

2.คนไทยส่วนใหญ่จะมีลักษณะ"ปฏิบัตินิยม"(pragmatic)และมีปรัชญาชีวิตในวิถีทางสายกลาง สิ่งที่สังคมไทยต้องการในยามนี้ คือ การลดความมีอคติที่มีต่อกันจากทุกขั้วทุกฝ่าย ลดความยึดมั่นถือมั่นในอุดมการณ์ความเชื่อส่วนตัวและกลุ่มองค์กรลงเสียบ้าง ถือเอาประโยชน์สุขของประชาชนและความมั่นคงของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง 

3.สถานการณ์บ้านเมือง สถานการณ์โลกและภาวะทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ประเทศจำต้องมีรัฐบาลตัวจริงเสียงจริงขึ้นมาดูแลในเร็ววัน แต่กระบวนการได้มาซึ่งรัฐบาลที่ว่านี้ ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญและถูกครรลองครองธรรม จะใช้วิธีข่มขู่บังคับด้วยกำลังมวลชนนอกสภาและการบูลลี่ด้วยกระแสโซเชียลไม่ได้

เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 66 นายพิธา ลงพื้นที่จ.ระยอง เพื่อช่วยผู้สมัครส.ส.หาเสียงเลือกตั้งซ่อมเขต 3 ระยอง

4.ความตื่นตัวของ"คนรุ่นใหม่" และความต้องการ”เปลี่ยนแปลง” เป็นเรื่องดี ที่ควรรักษาระดับเอาไว้ให้เป็นกำลังพัฒนาประเทศ โดยต้องให้เกิดความมั่นใจว่าจะอยู่ในทิศทางและแนวทางที่สร้างสรรค์ ไม่บ่อนเซาะ กัดกร่อน ทำลายความมั่นคงของชาติบ้านเมือง นอกจากนั้นรัฐบาลที่รักชาติบ้านเมืองจะต้องถอนพิษ"มนต์ดำยุคดิจิทัล" อันเกิดจากเครื่องมือ  AI  IO  Deep Fake
  
ไม่ปล่อยให้มีการขับเคลื่อนการเมืองด้วยกระแสความเกลียดชัง(hate speech)ได้อย่างอิสระเสรี กระตุ้นกำลังแห่งโลภะ โทสะ โมหะ อาฆาตมาดร้าย โกหกหลอกลวง รวมทั้งพฤติกรรมเป็นกบฏล้มล้าง 
  
คดีความใด อันเป็นผลพวงจากการจงใจทำผิดและท้าทายกฎหมายในช่วงที่ผ่านมา ต้องได้รับการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ตามหลักนิติรัฐและความยุติธรรม

logoline