10 สิงหาคม 2566 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทย ไปเจรจากับพรรคก้าวไกล นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊งค์) ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่พรรคภูมิใจไทยเป็นสารตั้งต้นร่วมกับพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล มีข้อสงสัยอะไรหรือไม่ว่า ไม่ทราบ พรรคเพื่อไทยไปพูดอะไรกับพรรคก้าวไกล เพราะเราไม่สามารถไปก้าวล่วงได้ พร้อมกับย้ำว่า พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพื่อดำเนินการหาเสียงสนับสนุน ให้มากพอในการเสนอนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ก็คงต้องทำตามที่ผู้บริหารพรรคเห็นว่าเหมาะสม
เมินเพื่อไทย คุยก้าวไกล ยึดข้อตกลงเป็นหลัก
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องชี้แจงการเจรจากับพรรคก้าวไกล ให้ทราบหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราได้บรรลุข้อตกลงกันไปแล้ว ซึ่งมีกรอบเงื่อนไขอยู่ ก็ไม่ต้องกลัว และโดยธรรมชาติ เราไม่สามารถเข้าไปให้ความเห็นอะไรได้
เมื่อถามย้ำว่า พรรคเพื่อไทยได้ขอให้พรรคก้าวไกล ช่วยโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีให้หรือไม่ นายอนุทิน ถามกลับว่า ผู้สื่อข่าวได้ยินเขาพูดกันหรือเปล่า แต่ผมไม่ได้ยิน ไม่เห็นมี การสนทนาเป็นอย่างไร เป็นเรื่องของ 2 พรรค
เมื่อถามว่า มีความมั่นใจพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้ตกลง และออกมาแถลงข่าวร่วมกันกับพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่ว่าไม่ได้มีการพูดคุยกันมาก่อน เพราะได้มีการพูดคุยกันตั้งแต่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และได้มีการบันทึกข้อตกลงกันของแต่ละฝ่ายว่า มีเงื่อนไขอย่างไร ทุกอย่างตอนนี้ก็อยู่ในกรอบตามที่ได้ชี้แจงไป
ผ่านมาหมดแล้ว "ขอขมา"
เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยไม่มีการตั้งข้อสังเกต ถึงการที่พรรคเพื่อไทยไปขอขมาพรรคก้าวไกล นายอนุทิน กล่าวว่า “เอ๊ะ อุ๊ย เราผ่านประสบการณ์มาหมดแล้ว เรารู้ว่าเป็นอย่างนี้ก็ไม่ต้องเอ๊ะ เราแค่อืมไว้”
เมื่อถามย้ำ แสดงว่าเป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย ไม่เกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใช่ เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เราก็ต้องให้เขาดำเนินการให้สำเร็จ ภายใต้เงื่อนไขที่เรามีต่อกัน หากเห็นว่าช่วงจังหวะเวลาไหน ที่อยากให้พรรคภูมิใจไทยช่วยประสานงานและเจรจา พบปะอะไรกับใคร ติดต่อใครก็คงแจ้งมา แต่ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งเตือน
เมื่อถามว่า ขณะนี้ได้มีการแจ้งในส่วนของพรรคอื่น ที่เข้ามาเติมเสียง เพื่อเปิดสวิตช์สว.หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่ได้ถาม เราเอาเรื่องของเรา 2 พรรค ในฐานะที่เขาเป็นแกนนำก็ต้องไปบริหารจัดการ
โยนเพื่อไทย เจรจาพรรค 2 ลุง
ส่วนที่สังคมติดตามทางการเมืองมองว่า แม้เพื่อไทยจะเข้ามาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่หากไม่มีพรรคของลุงใดลุงหนึ่ง หรือทั้งสองลุง ก็ไม่สามารถสำเร็จได้ นายอนุทิน ชี้แจงว่า เชื่อว่าตอนนี้พรรคเพื่อไทย ก็ต้องไปทำความตกลงกับแต่ละพรรค ที่คิดว่าน่าจะทำงานร่วมรัฐบาลได้ และเมื่อมีการตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ก็จะมีการเชิญไปแถลงข่าวร่วมกัน ก่อนที่จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นี่คือความคาดคิดส่วนตัวของตนเอง
ตอนเจรจาไม่มี "รัฐบาลพิเศษสลายขั้ว"
เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับการที่พรรคเพื่อไทย ประกาศจัดตั้งรัฐบาลพิเศษสลายขั้ว นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ทราบ ส่วนที่มีการเจรจากับพรรคเพื่อไทยก็ไม่มีคำนี้
จึงถามย้ำว่า เมื่อมีคำนี้เข้ามาแล้วพรรคภูมิใจไทย อยากจะถามพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “เราจับมือกันแล้ว โอเค เรามาร่วมงานกัน ไม่มีตรงนี้นะ 1 2 3 และสมมติถ้ามี และเพื่อไทยโทรมาบอกว่าต้องเปลี่ยนแล้ว เราก็ต้องคุยกันใหม่ว่ารับได้แค่ไหน แต่ตอนนี้มันไม่มี คิดว่าพรรคเพื่อไทย ต้องใช้เวลาในการจัดตั้งรัฐบาล เราอย่าไปเพิ่มปัญหาอะไรให้กับเขา” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่า ในฐานะที่ อยู่ในสนามการเมืองมานาน คิดว่าพรรคเพื่อไทย จะจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จหรือไม่ เมื่อมองจากบรรยากาศทั้งหมด นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าหากช่วยกัน และเจตนาดีต่อกัน ต้องการให้บ้านเมืองก้าวหน้าไปได้ ก็ต้องช่วยกันทำให้สำเร็จ เราจึงต้องทำให้มีปัญหาให้น้อยที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำไม่ได้เกี่ยวข้องการเมือง
หลังจากที่พรรคภูมิใจไทยไปเป็นสารตั้งต้น และร่วมแถลงข่าวกับพรรคเพื่อไทย ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรัฐบาลรักษาการหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนรายงานนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี มีทั้งการโทรศัพท์และไลน์ไปรายงาน ซึ่งบางครั้งนายกรัฐมนตรีก็มีคำถามว่า เป็นอย่างไร คิดอย่างไร เราก็ต้องรายงานตามสถานการณ์ เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ต้องปิดบังกัน ส่วนมีข้อเสนอแนะหรือไม่ นายกรัฐมนตรีได้ ย้ำเสมอว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องทางการเมืองแล้ว ทำอะไรขอให้คิดถึงบ้านเมือง คิดถึงสถาบัน คิดถึงประชาชน ซึ่งก็ได้มีการพูดในลักษณะนี้กับตนเสมอ
บริหารประเทศต้องไว้ใจกัน
เมื่อถามย้ำว่า พรรคภูมิใจไทยมั่นใจและเชื่อใจมากน้อยแค่ไหน ในการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย เนื่องจากมีการไปพูดคุยกับพรรคก้าวไกล นายอนุทิน ถึงกับอุทานว่า “โอ้โห” พร้อมกล่าวว่า นี่มันคือการบริหารประเทศ มันต้องเชื่อใจ ถ้ามันไม่เป็นไปตามนั้น เราก็ต้องยอมรับ ถ้าไม่เชื่อใจกัน มาจับมือกัน แล้วไม่ทำตามในสิ่งที่ตกลงกันไว้ มันไม่ได้ มันไม่ใช่การกู้ยืมเงินกัน แต่มันเป็นเรื่องของการบริหารประเทศ มันมีปัจจัยสำคัญหลายอย่าง ที่เราต้องคำนึงถึงทั้งประชาชน ประเทศ เศรษฐกิจ สังคม ความสงบ ความสามัคคี เพราะฉะนั้นตรงนี้ต้องเชื่อใจ ยอมรับในผลที่จะออกมา ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบไหนแต่เราก็ต้องมีเจตนารมณ์ที่ดี
ตรงไปตรงมา
เมื่อถามต่อ "สิ่งที่เห็นไม่ใช่ สิ่งที่ใช่ไม่เห็น" ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ใช่ ก็ตรงไปตรงมา ไม่ได้มีอะไร ที่ต้องไปคิดให้สลับซับซ้อน
เมื่อถามว่า มีการวางไทม์ไลน์ กับพรรคเพื่อไทย ว่าจะได้นายกรัฐมนตรี และจัดตั้งรัฐบาลเมื่อใด นายอนุทิน กล่าวว่า มันไม่ต้องวางไทม์ไลน์ ถึงเวลาก็เป็นไปตามธรรมชาติอยู่แล้ว ถ้าทุกอย่างครบ เสียงครบ มั่นใจ เมื่อที่ประชุมสภาฯเรียกประชุม ก็ต้องมีการเลือกนายกรัฐมนตรี นั่นคือขั้นตอน แต่ขณะนี้รอคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ
การันตี 71 เสียงของพรรค
เมื่อถามอีกว่า ในเดือนสิงหาคมจะได้นายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า หากมีเกิน 376 เสียงก็ได้ พร้อมกับหัวเราะ เมื่อถามย้ำว่า จากการวิเคราะห์ และการประเมินสถานการณ์ นายอนุทิน ยังคงย้ำว่า ถ้าหากทุกฝ่ายร่วมกัน ถามต่อแสดงว่า ขณะนี้ไม่มั่นใจในเสียงสว. นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่ได้เป็นสว. เราทำตามหน้าที่ แต่มั่นใจในส่วนของพรรคภูมิใจไทย 71 เสียง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเองการันตีได้อย่างหนักแน่นที่สุดว่าจะโหวตให้
ทั้งนี้หากต้องไปขอเสียงจากสว.ถ้าทำได้ก็จะทำ แต่ยังไม่ถึงจุดที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอใครชิงนายกรัฐมนตรี เราอยู่ในจุดที่การเสนอนายกรัฐมนตรีเป็นของพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ได้มีการแจ้งว่าเป็นใคร เพียงแต่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของเพื่อไทยมี 3 คน ซึ่งเราก็แจ้งไปว่าหากทุกอย่างเป็นไปตามข้อตกลง แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก็จะได้รับการรับรอง และพรรคภูมิใจไทย สนับสนุน
ไม่มีชื่อ "เศรษฐา" ในการเจรจา
เมื่อถามต่อ ได้มีการระบุชื่อของนายเศรษฐา ทวีสิน หนึ่งในแคนดิเดตของนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ในการเจรจาไม่ได้มีการระบุชื่อ แต่หากเขาออกมาแถลง เป็นใครที่เขาเสนอขึ้นมา 1 ใน 3 ชื่อ มันก็ต้องเป็นไปตามนั้น หากไม่มีเงื่อนไขอะไรที่อยู่นอกเหนือข้อตกลงระหว่าง 2 พรรค
เมื่อถามว่า การที่พรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่า จะตั้งรัฐบาลสลายขั้ว แสดงว่าจะไม่มีเงื่อนไขเรื่องของพรรคลุงแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนขออยู่ในกรอบของตน พรรคภูมิใจไทยวันนี้ทำความตกลงกับพรรคเพื่อไทย ในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล หากเป็นไปตามนั้นก็เอา 141 มาบวกกับ 71 เป็น 212 เสียง ซึ่งก็สร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจ ในความแข็งแกร่งของฐานที่จะจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง แต่ผู้ที่จะเป็นผู้ดำเนินการ ก็ยังคงเป็นพรรคเพื่อไทย จนกว่าเขาจะบอกว่าให้ภูมิใจไทยมาช่วยตรงไหน หากเขาแจ้งมาเราก็ต้องช่วยเหลือเขา สนับสนุนเขา
เมื่อถามว่า เปรียบสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้อย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า “อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้” ก่อนที่จะเดินออกจากวงสัมภาษณ์
ราชสีห์คือประชาชน
ผู้สื่อข่าวได้ถามตามหลังว่า หนูจะช่วยราชสีห์อีกครั้งใช่หรือไม่ แม้มีการเปลี่ยนราชสีห์ นายอนุทิน หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ช่วยๆ จำไม่ได้หรือราชสีห์ของผมคือ ประชาชน”
ปม "เศรษฐา" เป็นเรื่องของงาน
เมื่อถามต่อ การพบกับนายเศรษฐา วานนี้(9 ส.ค.) เป็นอย่างไรบ้าง นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ดีเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว เป็นพี่เป็นน้องกันมานานแล้ว เรื่องการเมืองก็เป็นเรื่องของการเมืองตรงไหนไม่เข้าใจ ก็คุยกัน อธิบายกัน
เมื่อถามย้ำว่า ตอนนี้เคลียร์กันเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ จากที่เคยกระทบกระทั่งกัน นายอนุทิน ชี้แจงว่า มันไม่ได้เกิดจาก ความเกลียดชังและความขัดแย้งส่วนตัว มันเป็นเรื่องของบ้านเมือง เป็นเรื่องของงานเคลียร์กันได้
เมื่อสื่อมวลชนกล่าวแซว นายอนุทินว่า ช็อคมิ้นต์ยังอร่อยอยู่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “เดี๋ยวว่าจะเชิญเขามากินหล่อฮังก๊วยบ้าง”