svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ย้อน 17 ปี "ปรองดองจำแลง" จับตาโมเดล "ทักษิณ-บิ๊กบัง-อนุทิน" เฟส 2

31 กรกฎาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

การเมืองไทยที่ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร! ในวันที่สูตรรัฐบาลพลิกขั้ว ไม่ต่างอะไรกับ “เหล้าเก่าในขวดใหม่” ถอดรหัส พรรค "เพื่อไทย" ชิงเกมตั้งรัฐบาล "มีเรา-มี(น้อง)ลุง"

การประกาศเดินทางกลับประเทศไทยของ “โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 10 ส.ค.นี้  นับเป็นการส่งสัญญาณถึงทิศทางการเมือง โดยเฉพาะกระบวนการโหวตเลือกนายกฯ คนที่ 30 เป็นรอบที่ 3 ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เรี่ยกัน 

ไม่ต่างจากกระแส "ซูเปอร์ดีล" สูตรจับขั้วตั้งรัฐบาล ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ในการจับมือกับพรรคการเมืองสีต่างๆซึ่งถูกปล่อยออกมา ซึ่งต้องจับตาว่า ที่สุดแล้วสารพัดสูตรผสมสีที่ปรากฎเวลานี้จะไปลงตัวที่สมการใด

ขณะที่อีกหนึ่งบุคคล ซึ่งถูกมองว่า เป็นตัวละครสำคัญในฉากการเมือง โดยเฉพาะเหตุการณ์รัฐประหาร 2549 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางออกนอกประเทศของ “ทักษิณ” หนีไม่พ้น “บิ๊กบัง” พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ.และ อดีตหัวหน้าคณะรักษาคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) รัฐประหาร 19 กันยายน 2549

ย้อน 17 ปี \"ปรองดองจำแลง\" จับตาโมเดล \"ทักษิณ-บิ๊กบัง-อนุทิน\" เฟส 2

การเดินทางกลับมาตุภูมิของ “ทักษิณ” ในมุมมองของ “บิ๊กบัง” ผ่านการให้สัมภาษณ์กับ “วาสนา นาน่วม” ผู้สื่อข่าวอาวุโสสายทหาร  เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

“อดีตหัวหน้าคมช.” มองว่า  มันเป็นขั้นตอนตามกฏหมายก็เป็นสิทธิที่เขาจะกลับมาได้ เขาเป็นคนไทย ก็สามารถกลับมาได้ เพราะเป็นบ้านเขา แต่ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนและ เป็นการดี เพราะจะได้เข้าสู่กรอบ ของการปฎิบัติตามขั้นตอนตามกฏหมาย ก็ดีแล้วล่ะกลับมาจะได้มาสู้คดีเพราะ สาเหตุมันมีหลายเรื่องที่ปรากฏในภายหลังด้วยซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องความมั่นคง

ช่วงหนึ่ง “บิ๊กบัง” ยังยอมรับถึงสมัยเป็น สส.ว่า “เคยคุยกับท่านทักษิณ เพราะผมเป็นประธานกรรมาธิการปรองดอง เพราะท่านทักษิณก็อยากให้ปรองดองเลิกความขัดแย้ง”

ย้อน 17 ปี \"ปรองดองจำแลง\" จับตาโมเดล \"ทักษิณ-บิ๊กบัง-อนุทิน\" เฟส 2

 

ย้อนฉากการเมืองหลังรัฐประหาร 2549 ได้มีการก่อกำเนิด “พรรคมาตุภูมิ”  ขึ้นในช่วงปลายปี พ.ศ. 2551 แรกเริ่มมี “มั่น พัธโนทัย” เป็นหัวหน้าพรรค

แต่เดิมพรรคมาตุภูมิอยู่ฝั่งเดียวกันกับพรรคเพื่อไทย โดยการลงมติเลือกนายกฯ ในเดือน ธ.ค.2551 แทน “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ที่พ้นจากตำแหน่งจากคดียุบพรรคพลังประชาชน เวลานั้น “3 สส.มาตุภูมิ” ยกมือสนับสนุน พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย โดยมีคู่แข่ง คือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

ก่อนที่ในปี 2552 พรรคมาตุภูมิได้เชิญ “บิ๊กบัง” รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2554 ได้ สส.เข้าสภา 2 คนหนึ่งในนั้นคือ “บิ๊กบัง” ทำหน้าที่ “พรรคร่วมฝ่ายค้าน” ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 

เวลาต่อมาสังเวียนรัฐสภาอู่ทองในกลับต้องลุกเป็นไฟ โดยในช่วงต้นปี 2555  “บิ๊กบัง” ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่กลับมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ. ... เป็น 1 ใน 6 ร่างแก้ไข โดยอีก 5 ร่างที่เหลือ เป็นการเสนอโดย สส.พรรคเพื่อไทยทั้งหมด

นำมาสู่การตั้งคำถามจากพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะพรรคฝ่ายค้านด้วยกัน ถึง “เกมเกี๊ยเซี๊ย” ระหว่าง “บิ๊กบัง” และ “ทักษิณ” ซึ่งเคยเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ที่ไม่ต่างอะไรกับแผนในการนิรโทษกรรมบรรดาคดีความต่างๆ ของอดีตนายกฯ แบบสุดซอย รวมถึงคืนเงินที่ถูกยึดทรัพย์ 4.6หมื่นล้านให้กับ “ทักษิณ”

ปีเดียวกัน “บิ๊กบัง” ในฐานะประธาน กมธ.ปรองดอง ตอบคำถามผ่านเวทีเสวนาปรองดอง โดยเฉพาะคำถามของ “เสธหนั่น” พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนาเวลานั้น ที่ตั้งคำถามว่า สาเหตุหนึ่ง ที่นำมาซึ่งความขัดแย้ง ก็คือการทำรัฐประหาร เพราะฉะนั้น หากจะเริ่มกระบวนการสร้างความปรองดองกัน ก็จะต้องตอบคำถามให้ได้ก่อนว่า มูลเหตุของการทำรัฐประหารคืออะไร และทำเพื่ออะไร

เหตุการณ์วันนั้นนำมาสู่วาทะในตำนานและถูกกล่าวขานมาจนทุกวันนี้ที่ว่า “คำถามบางประการ ตายแล้วก็ตอบไม่ได้” 

 

ย้อน 17 ปี \"ปรองดองจำแลง\" จับตาโมเดล \"ทักษิณ-บิ๊กบัง-อนุทิน\" เฟส 2

ย้อน 17 ปี \"ปรองดองจำแลง\" จับตาโมเดล \"ทักษิณ-บิ๊กบัง-อนุทิน\" เฟส 2

การเสนอโมเดลปรองดองในครั้งนั้นที่แม้จะไปไม่ถึงฝั่งฝัน แต่มีการมองว่า ไม่ต่างอะไรกับการจุดพลุนำมาสู่การเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมในเวลาต่อมา กระทั่งการเมืองสุกงอมและเกิดการรัฐประหารโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในปี 2557 ในที่สุด

ภายหลังเหตุการณ์รัฐประหารปี 2557 ในยุค “รัฐบาล คสช.”  ช่วงต้นปี 2560 มีการเปิดเผย โดย สส.พรรคประชาธิปัตย์ ถึง “ซูเปอร์ดีล”  ระหว่าง “บิ๊กบัง-ทักษิณ” รวมถึง “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 

ก่อนที่ต่อมาจะมีการยอมรับจากทางฝั่งภูมิใจไทย โดย “ศุภชัย ใจสมุทร” รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาเกมเกี๊ยเซี๊ยระหว่าง “3 บิ๊กเนม” แต่ยอมรับว่า "อนุทิน" เป็นคนนำ พล.อ.สนธิไปพบ “ทักษิณ” ในช่วงของการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม และไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับ แต่เป็นการนำคู่ขัดแย้งให้พบกัน อันเป็นประโยชน์ในการสร้างความปรองดองเท่านั้น

ไม่ต่างจาก “บิ๊กบัง” ที่ออกมายอมรับถึงการต่อสายหา “ทักษิณ” 7 วัน หลังรัฐประหาร 

17 ปี ผ่านไปนับตั้งแต่ที่ “ทักษิณ” เดินทางออกนอกประเทศ ดูเหมือนว่า หลากหลายฉากในละครปรองดองในอดีตจะวนเวียนกลับมาในปัจจุบัน โดยเฉพาะบรรดา “สูตรจับขั้ว”  ชิงเกมตั้งรัฐบาลที่กำลังดำเนินอยู่ ณ เวลานี้ ซึ่งมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำหลายช็อตหลายตอนแทบไม่ต่างจากในอดีต 

ทั้งฝั่ง “ภูมิใจไทย” ที่มีรอยร้าวฝังลึกระหว่าง พี่ใหญ่ “เนวิน ชิดชอบ” เมื่อครั้งสะบั้นสัมพันธ์รักระหว่าง “ทักษิณ” นายเก่า จากวลี “มันจบแล้วครับนาย” ขณะที่ช่วงเลือกตั้งทั้งภูมิใจไทยและเพื่อไทย ก็ “บู๊ห้ำหั่น” ไล่หนู-ตีงู ปักเสาเข็มกันแบบดุเดือด 

ทว่ายามนี้ดูเหมือนรอยร้าวจะมลายหายไปชั่ว ขณะตอกย้ำชัดด้วยสัญญาณจากภูมิใจไทยและเพื่อไทย ที่ต่างฝ่ายต่างแต่งตัวรอจับมือร่วมรัฐบาลกันในอีกไม่ช้าไม่นานหลังจากนี้ 

ขณะที่ “บิ๊กบัง” แม้เวลานี้จะถอยฉากการเมือง แต่หากถอดเวิร์ดดิ้งจากคำให้สัมภาษณ์ ที่มองว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ต้องหาวิธีทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง พร้อมยกสโลแกนพรรคพลังประชารัฐ ที่มี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพื่อนรักเป็นหัวหน้าพรรค ที่ชูสโลแกน “ก้าวข้ามความขัดแย้ง”  ใกล้เคียงกับที่ “บิ๊กบัง” เคยเสนอ "ลืมอดีต คิดปัจจุบัน และสร้างอนาคต" 

ยิ่งล่าสุด “พลังประชารัฐ” มีการฟอร์ทีมใหม่  โดยเฉพาะ “ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า”   ที่หวนกลับมานั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรค นับเป็นการส่งสัญญาณระหว่าง "ศิษย์เก่าค่ายชินวัตร" กับ “อดีตนายเก่า” ถึงความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกัน

ไม่ต่างจากชื่อของ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายแท้ๆ ของ “บิ๊กป้อม” ที่รั้งตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรค ท่ามกลางข่าวคราวเตรียมขึ้นแท่น “มท.1” นับเป็นการตอกย้ำกระแส  “ป.ที่ 4” บารมีล้นนอกทำเนียบ ที่เริ่มเห็นเค้าลางของ "แผนปรองดองจำแลง" แฝงสูตรพลิกขั้วหลังจากนี้ โดยเฉพาะสูตร มีเรา-ไม่มีลุง แต่ถ้า “น้องลุง” ก็ไม่แน่

17 ปี ผ่านไปหลายหลายฉากใน “ละครปรองดอง” ถูกนำกลับมาฉายซ้ำอีกครั้ง ทั้งยังเป็นการตอกย้ำถึงสูตรรัฐบาลพลิกขั้วที่ไม่ต่างอะไรกับ “เหล้าเก่าในขวดใหม่” ภายใต้บริบทการเมืองไทยที่ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร!!

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ 

logoline