22 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้สมัครสอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยภาคทฤษฎี ปี 2566 โดยมีตัวแทนประกอบด้วย 1.นางณฐิมา แจ้งแสงทอง 2.นางอพิชญ์ชา ขจรกิตติวัฒน์ 3.ดร.โชติกา ทังสุนันทน์ พร้อมผู้สมัครสอบจำนวน 21 คน เตรียมเดินทางเข้าร้องเรียนต่อปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในวันที่ 24 ก.ค.นี้ เพื่อขอความเป็นธรรม เรื่องตรวจกระดาษคำตอบและแจ้งผลคะแนนการสอบความรู้ในวิชาชีพการแพทย์แผนไทยภาคทฤษฎี ปี 2566
สืบเนื่องจาก การประกาศผลคะแนน ของผู้สมัครสอบความรู้ในวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ได้รับผลกระทบจากการประกาศผลคะแนน ที่ตรวจด้วยเครื่องตรวจอัตโนมัติ โดยใช้ข้อสอบแบบปรนัยพบว่า “ไม่ผ่าน” โดยปรากฏผลคะแนน ในรายวิชาที่ได้สมัครสอบภาคทฤษฎีนั้น มีผลคะแนนเป็น 0 (ศูนย์) กลุ่มผู้เข้าสอบจึงเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับผลคะแนนดังกล่าว โดยมั่นใจว่าทำคะแนนสอบได้ และเป็นไปได้ยากที่จะไม่มีใครทำคะแนนไม่ได้เลยสักข้อเดียว จึงได้ทำการยืนอุทธรณ์เพื่อขอดูผลคะแนน จำนวน 90 คน
โดยทางสภาฯ กำหนดให้สามารถยื่นอุทธรณ์ ได้ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน ถึง 22 กรกฎาคม 2566 และรอฟังผลประกาศ โดยต้องชำระค่าธรรมเนียม การยืนอุทธรณ์ 500 บาท ค่าดูกระดาษคำตอบหน้าละ 100 บาท 1 วิชามี 2 หน้า เป็นเงิน 200 บาท ซึ่งกลุ่มผู้สอบได้ดำเนินการตามระเบียบที่ทางสภาฯกำหนดไว้ทุกประการ เพื่อให้ได้รับทราบผลคะแนนจากกระดาษคำตอบที่แท้จริง เพื่อนำไปใช้ยื่นสมัครสอบให้ทันตามประกาศรับสมัครสอบภาคปฏิบัติ ปี 2566 ของสภาฯ
กระทั่งผู้สมัครสอบได้เดินทางเข้ามาที่สำนักงานสภาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อมารับทราบผลคะแนน แต่ปรากฏว่ากลับได้รับคำชี้แจงว่า ผู้สมัครสอบต้องเซ็นเอกสารรับทราบ หากผู้สมัครไม่เซ็น เอกสารรับทราบ จะไม่มีการตรวจกระดาษคำตอบหรือแจ้งผลคะแนน
โดยเจ้าหน้าชี้แจงเพียงว่า ปัญหาเกิดจากการ กากบาท ระบายรหัสประจำตัวผู้เข้าสอบไม่ครบบ้าง ไม่ชัดบ้าง ขาดไปบ้าง ทำให้เครื่องไม่สามารถอ่านกระดาษคาตอบได้ พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการตรวจคะแนนให้ และหากผู้อุทธรณ์ไม่พอใจให้ไปฟ้องศาลปกครองเอาเอง โดยผู้สมัครที่ได้รับผลกระทบได้นัดหมายยื่นร้องเรียน วันจันทร์ที่ 24 กรกฎาคม 2566 เวลา 10.00 น. บริเวณด้านหน้าสานักงานปลัดกระทรวง สาธารณสุข จ.นนทบุรี
ขณะที่ นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีแพทย์แผนไทยฯ ระบุว่า เป็นหน้าที่ของสภาแพทย์แผนไทยเป็นผู้รับผิดชอบกรณีดังกล่าว ไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงสาธารณสุข พร้อมแนะนำให้ผู้ร้องทั้งหมดไปยื่นฟ้องกับศาลปกครองด้วยตนเอง เพื่อให้ได้ข้อยุติ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วเช่นกัน