18 กรกฎาคม 2566 ภายหลังการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาโหวตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยสมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่ งดออกเสียง และไม่เห็นด้วย ให้"นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" เป็นนายกฯ ปรากฎว่า ได้มีการปลุกระดมมวลชนออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านสมาชิกวุฒิสภา พร้อมกับ มีการขุดคุ้ยประวัติ สมาชิกวุฒิสภาและครอบครัว ออกมาประจาน กระทบต่อสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล สร้างความเสียหาย ดูหมิ่นเกลียดชัง จนสมาชิกวุฒิสภาได้ดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดี บุคคลที่กระทำก้าวล่วงดูหมิ่นเหยียดหยามไปแล้วนั้น
ล่าสุด"กลุ่มธรรมศาสตร์พิทักษ์ธรรม" ได้ออกแถลงการรณ์ ให้กำลังใจ และชื่นชมการทำงานของสมาชิกวุฒิสภาในการทำหน้าที่ ในระยะเวลาที่ผ่านมา
โดยมีเนื้อหาดังนี้ จากการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อออกเสียงคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ที่ผ่านมา และท่านวุฒิสมาชิกจะต้องปฏิบัติหน้าที่นี้ในอีกหลายวาระนั้น
"กลุ่มธรรมศาสตร์พิทักษ์ธรรม" ในนามประชาคมธรรมศาสตร์ ขอขอบพระคุณ และมอบกำลังใจ พร้อมทั้งสนับสนุนการทำหน้าที่ของท่านวุฒิสมาชิกผู้ทรงคุณวุฒิที่ผ่านการสรรหา เพื่อเป็นส่วนของรัฐสภาที่ช่วยให้ความเห็นที่หลากหลาย และรอบคอบในระบบประชาธิปไตย และท่านวุฒิสมาชิกหลายท่านได้แสดงวิสัยทัศน์ประกอบการลงมติอย่างผู้รอบรู้กฎหมาย และคำนึงถึงความมั่นคงของประเทศ และปัญหาต่างๆที่จะตามมา
กลุ่มฯขอชื่นชมความกล้าหาญท่านสมาชิกวุฒิสภา ทั้งๆ ที่รู้ว่าต้องฝ่าฟันกับการวิพากษ์วิจารณ์ และผลกระทบต่างๆ อย่างไม่เป็นธรรม โดยกลุ่มบุคคลที่อ้างเสียงของประชาชนข้างมากเป็นที่ตั้ง โดยขาดความรู้ความเข้าใจว่า
๑. เสียงข้างมากดังกล่าวจะชอบธรรมก็ต่อเมื่อผู้ออกเสียงเหล่านั้นได้ใช้สิทธิออกเสียงโดยมีข้อมูลที่ถูกต้อง ปราศจากการครอบงำทางความคิด การสร้างกระแสผ่านสื่อต่างๆ หรือการจูงใจด้วยผลประโยชน์ตอบแทนในการใช้สิทธินั้น
๒. การที่จะอ้างเสียงที่มากกว่าว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่ โดยไม่คำนึงถึงข้อคัดค้านหรือติติงจากเสียงที่ไม่เห็นด้วยของเสียงส่วนน้อย จักเป็นการทำลายหลักการประชาธิปไตย(อันเป็นหลักการปกครองที่เปิดโอกาสให้ผู้คนได้แสดงความคิดเห็นอย่างเสรีโดยไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น) และมีความเป็นเผด็จการหรือคณาธิปไตยไปโดยปริยาย
๓. ประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยล้วนมีระบบรัฐสภาเพื่อพิจารณากลั่นกรองแนวทาง กฎหมาย หรือรัฐกิจต่างๆ อันเป็นกติกาสากล การเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยของสมาชิกวุฒิสภาผู้ทรงคุณวุฒิจึงมิใช่การไม่เคารพเสียงของประชาชน หากแต่เป็นธรรมาภิบาลของการกลั่นกรองโดยยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง
การประชุมรัฐสภาเพื่อออกเสียงคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา ได้สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินการตามกฎกติกาประชาธิปไตย
กลุ่มสมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่มิได้ออกเสียงคัดค้านแต่เป็นการงดออกเสียงเพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการใช้สิทธิออกเสียงของประชาชนได้ใช้มติของกลุ่มตนในการคัดเลือก
ทั้งที่ยังมีข้อกังวลต่อนโยบายและแนวทางการบริหารของผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี อันสอดคล้องกับความกังวลของประชาชนหลายภาคส่วนในสังคมไทยเช่นกัน ในระบอบประชาธิปไตยนั้น
กลุ่ม ฯ ขอสนับสนุนจุดยืนของสมาชิกวุฒิสภาในการทำหน้าที่ปกปักษ์รักษาชาติบ้านเมือง และสถาบันหลักของชาติ ตามแนวทางที่เป็นหลักการของประชาธิปไตยเพื่อความผาสุกมั่นคง ความเจริญ และความสงบสุขอย่างยั่งยืนของสังคมไทย และขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านปฏิบัติหน้าที่อันสำคัญยิ่งนี้สืบไป
'กลุ่มธรรมศาสตร์พิทักษ์ธรรม'
๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖