14 กรกฎาคม 2566 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นต่อข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 272 โดยระบุว่า
1. ทางพรรคเพื่อไทย เคยเสนอยื่นญัตติแก้ไขมาแล้ว 2 ครั้ง ปรากฎว่าไม่ได้รับความเห็นชอบในรัฐสภา
2. ในการจะผ่านความเห็น ตามรฐน.ม. 256 กำหนดให้ต้องมีการพิจารณาเป็น 3 วาระ และการผ่านวาระที่ 3 ต้องมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบ 84 คน มีฝ่ายค้านไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้องค์ประกอบอำนาจอธิปไตยยังไม่ครบ ไม่มีรัฐบาล ไม่มีฝ่ายค้าน จึงไม่สามารถให้สมาชิกรัฐสภาพิจารณาได้
3. ประธานรัฐสภาจะนัดประชุมเพื่อโหวตนายกฯครั้งที่สอง ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ไม่มีทางที่จะดำเนินการเรื่องนี้เห็นสำเร็จก่อนได้
ดังนั้น การเสนอแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ในเวลานี้ จึงไม่สามารถเป็นทางออกของการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่กำลังเผชิญอยู่ ณ ตอนนี้ได้
ขณะที่ นายสามารถ แก้วมีชัย ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย และอดีตรองประธานสภาสมัยพลังประชาชน แสดงความเห็นกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า แจกแจก กระบวนการแก้ไขรธน. ภายหลังพรรคก้าวไกล ยื่นญัตติขอแก้รัฐธรรมนูญเพื่อปิดสวิตซ์ สว โดยระบุว่า เป็นโจทย์ยาก พรรคก้าวไกล ยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เพื่อตัดอำนาจ ส.ว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรี หรือที่เรียกว่าจะปิดสวิตซ์ ส.ว.
ดูกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 256 แล้ว คงไม่ง่ายอย่างที่คิด ต้องเสนอแก้ไขต่อที่ประชุมรัฐสภา (ปัจจุบัน ประกอบด้วย ส.ส. 500 + ส.ว. 249 รวม 749 )
ส.ส. เข้าชื่อเสนอญัตติแก้ไขไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวน ส.ส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ คงไม่มีปัญหา เข้าชื่อกันเพียง 100 คน จะเริ่มมีปัญหาตั้งแต่การลงมติรับหลักการในวาระที่หนึ่ง ที่เป็นการลงคะแนนเปิดเผยด้วยการขานชื่อ ต้องได้เสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ของทั้งสองสภา คือ 375 เสียง
และในจำนวนเสียงที่เห็นชอบด้วย ต้องมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวน สว ที่มีอยู่ทั้งหมด (คือ 83 เสียง)
ถ้าผ่านวาระรับหลักการไปได้ ในการพิจารณาวาระที่สอง เรียงมาตราก็คงไม่มีอะไรน่ากังวล เพราะการออกเสียงในวาระสอง ให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ ผ่านวาระสองแล้วให้รอไว้ 15 วัน จึงนำมาพิจารณาในวาระที่สาม
ในการพิจารณาลงมติในวาระที่สาม เป็นการลงมติโดยเปิดเผยด้วยการขานชื่อ มติเห็นชอบต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งสองสภาเท่าที่มีอยู่ (ต้องได้เสียงเห็นชอบ 376 เสียง) และยังมีเงื่อนไขพิเศษ คือ
- ต้องมี สส จากพรรคการเมืองที่สมาชิกมิได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ประธานสภา หรือรองประธานสภา เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบของพรรคการเมืองดังกล่าวรวมกัน
- ที่สำคัญคือในเสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่ง ต้องมีเสียงเห็นชอบของ ส.ว. จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวน ส.ว. ที่มีอยู่ทั้งหมด (คือ 83 เสียง)
หาคะแนนจาก สว ช่วยสนับสนุนพิธาให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี 65 เสียง น่าจะง่ายกว่าหาเสียง ส.ว. 83 เสียงมาสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อปิดสวิตซ์ ส.ว. หรือเปล่าครับ