
12 กรกฎาคม 2566 "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล เปิดเผยภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยคุณสมบัติ กรณีการถือครองหุ้น ITV โดยมั่นใจว่า กระบวนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 ก.ค. จะยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง และรอคำสั่งจากศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมขอบคุณประชาชนที่ส่งกำลังใจมาให้ และตนเองก็ยังคงมีกำลังใจที่ดี
ทั้งนี้ ขอย้ำว่าไม่รู้สึกกังวลต่อการส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติ ซึ่งอาจจะมีผลต่อการตัดสินใจลงมติของสมาชิกวุฒิสภา ในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) โดยเชื่อว่า สมาชิกวุฒิสภา จะสามารถแยกแยะหน้าที่ได้ รวมถึง ITV ก็ยังเป็นสื่อมวลชนที่ปิดตัวไปนานแล้ว จึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ และสถานะการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของตนเอง ก็ยังมีผลอยู่
ส่วนกรณีที่ กกต. ไม่เคยเรียกให้ไปชี้แจงข้อมูลใดๆ เพิ่มเติมนั้น ยอมรับว่ารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม และยังมีการนำคำร้องของตนเอง ไปเทียบเคียงกับคดีอื่น ที่มีลักษณะเป็นการกู้เงิน ซึ่งถือเป็นคนละรูปแบบกัน ดังนั้น กกต. จึงควรเปิดโอกาสให้ตนเองได้ชี้แจง และระยะเวลาการไต่สวน ก็เป็นไปในระยะสั้น ประมาณ 32 วัน สั้นกว่าคดีของ "นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถึงครึ่งหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังมีบรรทัดฐานที่แตกต่างกันกับคดีที่เกี่ยวข้องกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดรักษาการปัจจุบัน จึงทำให้ดูเหมือนเป็นการเร่งรัดคดี และยังเกิดขึ้นเพียง 1 วันก่อนที่รัฐสภาจะมีการลงมติเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ตนก็ยังมั่นใจว่ากระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีจะยังคงเดินหน้าไปตามปกติ
ส่วนกระแสข่าวที่มีการล็อบบี้สมาชิกวุฒิสภา ไม่ให้มีการลงมติให้ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น โดยได้ตั้งข้อสังเกตว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการสะท้อนว่า ในสภาตนเองมีโอกาสที่จะได้รับเสียงสนับสนุนถึง 376 เสียงแล้วหรือไม่ และเชื่อว่าแนวโน้มการลงมติในวันพรุ่งนี้ จะเป็นไปในทิศทางที่ดี จึงทำให้เกิดกระบวนการดังกล่าวเกิดขึ้น
"กระบวนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ ผมเองไม่มีความเป็นห่วงหรือกังวลใจ เพราะกระบวนการก็เป็นไปตามปกติ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย ซึ่งในวันพรุ่งนี้ ผมเองก็จะเดินทางมาที่รัฐสภาตามปกติ เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ และตอบข้อซักถามในการเลือกนายกรัฐมนตรี" นายพิธา กล่าว