svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เตือนคนโหวต"พิธา"เป็นนายกฯ ระวังขัดรธน.-ผิดจริยธรรมร้ายแรง 

"เรืองไกร" ชี้หากเทียบกับคดีหุ้นสื่อของ "ธนาธร" ศาลรัฐธรรมนูญต้องรับคำร้องจาก กกต. เตือนคนโหวตพิธาเป็นนายก ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และจริยธรรมร้ายแรง 

12 กรกฎาคม 2566 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ  สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยภายหลังที่ กกต. มีมติส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ศาลวินิจฉัยปมนายพิธา ถือหุ้นสื่อไอทีวี 42,000 หุ้น และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่  ส.ส.  ซึ่งนายเรืองไกรเป็น1ในผู้ร้องครั้งนี้ 

นายเรืองไกร บอกว่า ตนในฐานะผู้ร้องหลัก และมองว่าข้อโต้แย้งคุณพิธาเรื่องยังไม่ได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ฟังไม่ขึ้น เมื่อ กกต. เห็นคำร้อง ก็ควรจะรู้เองอยู่แล้วว่า เมื่อกรณี นายธราธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปี 62 และมีการโต้แย้งว่าการไต่สวนไม่ชอบธรรม และศาลรัฐธรรมนูญใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 82 (4) มาวินิจฉัย และ กกต. เห็นก็เลยส่งศาลรัฐธรรมนูญ ก็ถือว่าชอบธรรมแล้ว ซึ่งครั้งนี้ก็เหมือนกันในการใช้มาตรา 82 ถือว่าชอบธรรม  และเมื่อชอบธรรม ศาลรัฐธรรมนูญต้องรับไว้วินิจฉัย ส่วนศาลจะให้หยุดปฎิบัติหน้าที่หรือไม่ แล้วแต่ดุลยพินิจของศาล

เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ  สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ

 

นายเรืองไกร ยังหยิบยก กรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าถูกส่งไปศาลรัฐธรรมนูญหลายกรณี  เรื่องเจ้าหน้าที่รัฐ คสช. ศาลไม่สั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ แต่กรณีกรณีนายก 8 ปี ศาลสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ กรณีนายพิธา ถ้าเทียบกับนายธนาธร คาดว่าศาลสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ ส.ส. แต่ตนไม่อาจจะก้าวล่วงศาลได้  

ส่วนการโหวตนายกรัฐมนตรีพรุ่งนี้ 13 กรกฎาคม ตามที่ นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว บอกว่าการโหวตนายกรัฐมนตรี จะต้องตรวจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 ว่าการโหวตนายกรัฐมนตรีห้ามโหวตตามต้องห้าม

"การที่จะเอาชื่อนายพิธา มาโหวต ก็อาจจะสุ่มเสี่ยงขัดต่อรัฐธรรมนูญ ถ้าดึงดันการโหวตนายพิธา และการโหวตต้องมีขานชื่อ อาจจะขัดต่อมาตรา 159 และคำร้องตนที่ให้ ป.ป.ช. ตั้งเรื่องรอเลยนั้น ว่าหาก ส.ส. หรือ ส.ว. โหวตบุคคลต้องห้าม จะขัดกับมาตรา 234(1) ฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง หรือใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งมันเกิดได้ทันที"