จับตา"มติพรรคเพื่อไทย" เขย่า ประธานสภาฯ - นายกฯคนที่ 30 ตัวแปรพลิกขั้ว

สืบทราบว่าขั้วบ้านใหญ่ที่มีส.ส.อีสานหลายมุ้งจับมือแน่น จะมีผลต่อการกำหนดมติพรรค -มติกก.บห.ในแทบทุกมิติ หากไม่ขยับจังหวะตามความต้องการของส.ส.ส่วนใหญ่ในพรรค โดยเริ่มต้นจากการลงมติเลือกประมุขฝ่ายนิติบัญญัติและอาจลามไปถึงช่วงการลงมติเลือกสร.1"

12.00 น. ของวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 คือ เวลาตัดสินว่า"พรรคก้าวไกล"หรือ"พรรคเพื่อไทย"จะได้เก้าอี้"ประธานสภาผู้แทนราษฎร" โดยช่วงเวลาก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะประชุมพรรคเพื่อหาข้อยุติ จากนั้นนำมติเสนอกรรมการบริหารพรรคเพื่อส่งแถลงการณ์ไปให้คณะเจรจาของพรรคนำไปหารือกับ"พรรคก้าวไกล"ว่า เสียงส่วนใหญ่ของพรรคอันดับสองมีคำตอบเช่นใดกับเก้าอี้"ประมุขนิติบัญญัติิ"

ฟันธงล่วงหน้าเลยว่า ส.ส.141 คนของพรรคสีแดง ส่วนใหญ่จะลงมติ "เก้าอี้ประธานสภาฯสมควรเป็นของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น " หากมีอะไรแปรผันไปจากนี้ "การลงมติแบบฟรีโหวตจะบังเกิดในช่วงวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 แน่นอน "

แวดวงการเมืองจับทางออกว่า "พรรคก้าวไกล"ไม่ยอมสละเก้าอี้"ประธานสภาฯ"ให้พรรคเพื่อไทย  ขณะที่"พรรคสีแดง"ยืนยันจะขอเก้าอี้ตัวนี้เพื่อเงื่อนไขทางการเมืองในช่วงเวลาข้างหน้า แต่เมื่อตกลงกันไม่ลงตัว สัมพันธภาพของสองพรรคจะปริร้าวและส่งผลไปยังการร่วมตั้งรัฐบาล รวมทั้งช่วงลงมติเลือก"นายกรัฐมนตรี"แบบเลี่ยงไม่ได้

ข้อมูลเชิงลึกจากอาคารโอเอไอ ทาวเวอร์ แจ้งว่า ตอนนี้สถานการณ์ใน"พรรคเพื่อไทย"มีแนวคิดสองแบบคือ

1.การปรับปรุงพรรคทั้งระบบ โดยยึดการทำงานของ"พรรคก้าวไกล"มาประยุกต์ ซึ่งได้รับการหนุนนำจาก"เศรษฐา  ทวีสิน"เป็นตัวชูโรง โดย "เสี่ยนิด" คิดจะรื้อทั้งระบบในพรรค เป้าหมายหลัก คือ ส.ส.,อดีตส.ส. ที่ไม่เข้าเงื่อนไขที่"ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย"วางไว้  จำต้องละวางบทบาทและเปิดทางให้มีการถ่ายเลือดใหม่ไว้ต่อกรกับพรรคสีส้มและพรรคอื่นๆในสี่ปีข้างหน้า

2.ขั้วบ้านใหญ่ในหลายจังหวัดที่ฝ่าฟันกระแส,กระสุนในห้วงวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เข้ามาปักธงเป็น141 ส.ส.ของพรรคได้ เอาเข้าจริงแล้ว งวดนี้พรรคสนับสนุนบ้านใหญ่เหล่านี้น้อยกว่าที่หลายคนประเมินไว้ ที่ผ่านมาคนการเมืองเหล่านี้ปักธงกับพรรคสีแดงมายาวนาน(พรรคไทยรักไทย,พลังประชาชน,เพื่อไทย ) หากวันหนึ่งพรรคสีแดงต้องเดินเกมการเมืองภายใต้พรรคอันดับหนึ่งที่มีชั่วโมงบินน้อยกว่าอาจนำไปสู่ทางตันบนเวทีการเมือง      

บวกกับ การที่กลุ่มการเมืองอาวุโสกำลังโดนลดบทบาทแบบไม่มีความผิด ต้องเดินตามอาณัติสัญญาณของ"ผู้บริหารพรรคชุดใหม่"บนข้ออ้างเพื่อจะปรับปรุงพรรคแบบ 360 องศาถือว่าไม่เป็นธรรม ดังนั้นน้ำหนักการต่อรองตามหน้าเสื่อยามนี้กับแกนนำพรรคย่อมมีผลหลายวาระ

เพราะพวกเขาอ่านเกมออกว่า บาดแผลของพรรคสีส้มที่ติดตัวไว้นั้น ยากยิ่งกว่ายากที่จะเดินไปถึงฝั่งฝัน ดีไม่ดีอาจลามมาให้พรรคสีแดงเข้าไปมีเอี่ยวแบบไม่รู้ตัว บวกกับการเลือกตั้งครั้งที่แล้วพรรคสีส้มเบียดคนของพรรคสีแดงร่วงไปนับร้อยชีวิต ดังนั้นการจะไว้ไมตรีกับคู่แข่งในวันวานแต่วันนี้ต้องจับมือกัน แต่ในอนาคตต้องมาปะทะกันอีกนั้น มิใช่วิสัยบนสนามการเมือง

สถานการณ์ชั้นต้น ทำให้แรงต่อรองใน"พรรคเพื่อไทย"แบ่งเป็นสองปีกชัดเจน สืบทราบว่าขั้วบ้านใหญ่ที่มีส.ส.อีสานหลายมุ้งจับมือกันชั้นต้นแล้วว่า จะต่อต้านมติของพรรค มติกรรมการบริหารพรรคในแทบทุกมิติ หากไม่ขยับจังหวะตามความต้องการของส.ส.ส่วนใหญ่ในพรรค โดยเริ่มต้นจากการลงมติเลือกประมุขฝ่ายนิติบัญญัติและอาจลามไปถึงช่วงการลงมติเลือกสร.1

ประเมินว่าสัญญาณการหักดิบจากขั้วบ้านใหญ่ของพรรคเพื่อไทย จะเร่งจังหวะอีกชั้นหนึ่งในช่วงการลงมติว่า 500 ส.ส.และ 250 ส.ว.จะเลือก"พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ให้ทำหน้าที่สร.1หรือไม่ และจะขยับจังหวะเพิ่มความแรงไปอีก หากต้องมีการลงมติเลือกสร.1รอบที่สอง-รอบที่สาม 

ไฮไลท์ที่มิควรคลาดสายตาคือ จังหวะที่"พรรคสีส้ม"ส่งไม้ให้พรรคเพื่อไทยในการตั้งรัฐบาลเพราะพรรคสีส้มเดินหน้าไม่ได้ในทุกกรณี   จังหวะนั้นคนในพรรคสีแดงอาจหักดิบไม่ลงมติให้ใครบางคนในบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยก็เป็นได้

กระแสการทาบทามส.ส. 312เสียงในขั้วแปดพรรควันนี้เริ่มลือกันหนาหู โดยมีใครบางคนจากขั้ว 188 ส.ส.เดินเกมเพื่อล็อกเป้าทาบ ทามส.ส.พรรคสีแดงและพรรคสีส้มให้สวิทช์ขั้วการลงมติกันแล้วหลายสิบคน ด้วยตำแหน่ง อัตราค่าเหนื่อย ค่าย้ายขั้วกันบนตัวเลขมากโข

กล่าวกันตามประสาการเมืองตรงๆกันไปเลย ตำนานงูเห่าภาคสามกำลังจ่อเปิดตัวเร็ววันนี้ มีความเป็นไปได้สูงอีกภาวะหนึ่งแทรกขึ้นมาว่า อาจจจะมีเปิดตัวว่าที่สร.1 ของขั้ว 188 ส.ส.เพื่อประชันกับ"พิธา"โดยใช้งูเห่าภาคสามที่มีการทาบทามในช่วงเวลานี้เป็นเสียงสนับสนุนแบบซึ่งๆหน้ากันไปเลย

(โดยต้องติดตามว่าการทาบทามงูเห่าภาคสามจะสำเร็จหรือไม่ ให้จับตาที่การลงมติเลือกประธานสภาผู้แทนฯเป็นชั้นต้นและเช็กกำลังพลว่า ขั้ว 188 ส.ส.นั้นทาบทามส.ส.ให้สวิทช์ขั้ว/ย้ายข้างได้กี่ชีวิต)

ฉะนั้น 12.00 น. วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป คือช่วงเวลาดี-เดย์ ชี้ชะตาการเมืองไทยในรอบนี้ ด้วยการแสดงพลังส.ส.พรรคเพื่อไทยเป็นสำคัญ