svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

 "นิกม์" คนคุ้นเคย "พิธา" เปิดปากครั้งสำคัญ เล่าเบื้องหลังบันทึก "หุ้นสื่อ"

12 มิถุนายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เปิดปากครั้งสำคัญ "นิกม์ แสงศิรินาวิน" คนคุ้นเคย "ทิม พิธา" เหตุไฉนถึงต้องออกมาเปิดข้อมูล "หุ้นสื่อไอทีวี" เล่าเบื้องหลัง "บันทึกการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี"

"ผมเป็นเพียงคนที่มีอุดมการณ์คนหนึ่งที่ออกมา มีจุดยืนอยากให้ประชาชนได้เห็นเหรียญทั้งสองด้าน" 

หมายเหตุ "นิกม์ แสงศิรินาวิน"  อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย  12  มิถุนายน 2566 

จากประเด็นร้อนเรื่องรายงานการประชุม กับ คลิปการประชุมที่ขัดแย้ง ข้อมูลไม่ตรงกันนั้น วันนี้"อโนทัย สกุลทอง" ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี ได้ไปสัมภาษณ์ หนึ่งในผู้ที่อยู่ในวงประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี วันที่ 26 เม.ย.2566 ก็คือ "นายนิกม์ แสงศิรินาวิน" อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคภูมิใจไทย และ เคยเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกยุบพรรคไปแล้ว

"ที่สำคัญเขาเป็นคนรู้จักคุ้นเคย "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" เป็นอย่างดีเมื่อครั้งร่วมกิจกรรมทางการเมืองใน"พรรคอนาคตใหม่" 

"นิกม์" คือ บุคคลที่ออกมาโพสต์ข้อความผ่านโซเชียล เมื่อ 24 เม.ย. 2566 ว่า กำลังจะมีนักการเมืองบางคนโดนคดีหุ้นสื่อ พร้อมโชว์ภาพประกอบเป็นรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น ITV ประจำปี 2566

"นายนิกม์" เล่าให้ฟังว่า ที่วันนั้นตัดสินใจออกมาเปิดเผยข้อมูล เพราะตนเองเคยเป็นผู้ถือหุ้นไอทีวีตอนปี 2562 และขณะนั้นถือหุ้นสื่อของ MCOT และ ไอทีวี และตนเองเคยได้ปรึกษาพรรคเดิมและทนายความแล้วว่าถือได้หรือไม่ ซึ่งก็ได้ถือมา และในปี 62 ตนเองเคยหาเสียงแคมเปญ กรุงเทพขยับ ไว้ว่า ทีวีเสรีไม่มีใครเคยเยียวยา และทีวีควรเป็นอิสระไม่ควรถูกครอบงำทางการเมือง ซึ่งในปีนั้นคดีของไอทีวียังไม่ขึ้นสู่ศาลปกครอง 

"นายนิกม์ แสงศิรินาวิน" อดีตสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ และอดีต ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคภูมิใจไทย

แต่เหตุการณ์ในอดีต เรื่องหุ้นสื่อทำให้เห็นแล้วว่า มันมีปัญหาถ้าเราจะถือหุ้นสื่อ หลังจากนั้นก็ศึกษากฎหมาย กฎระเบียบอย่างละเอียด แม้กระทั่งระเบียบของ กกต. ในลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร ส.ส.ข้อ3 ระบุไว้ว่า ห้ามถือหุ้นสื่อมวลชนใดๆ ก็ได้เตรียมเคลียร์ตัวเอง ด้วยการไปเปลี่ยนข้อบังคับบริษัทที่เกี่ยวกับสื่อในกิจการร้านขายยา และกิจการ อื่นๆทั้งหมด เพื่อเป็นการปัดฝุ่นตัวเองให้เคารพในกติกา

  • รู้ว่าถือหุ้นสื่อ จึงเคลียร์ตัวเองก่อนลงสมัครส.ส.

"นายนิกม์"  กล่าวว่า  บุคคลที่ตนเองโอนหุ้นให้คือ "นายภาณุวัฒน์ ขวัญยืน"  เป็นรุ่นน้องที่อยากลงทุน จึงโอนหุ้นให้ และการโอนหุ้นต้องทำธุรกรรมต่อเจ้าหน้าที่เท่านั้น จึงจะถือว่าสมบูรณ์ตนเองก็ดำเนินการทำทุกอย่างจนเรียบร้อย และจากนั้นก็ลงสมัครรับเลือกตั้งได้อย่างสบายใจ

หลังจากนั้นปรากฎว่ามีหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นมา ตนเองเคยถือ ก็เลยอยากจะย้อนกลับไปดูว่า ณ ตอนนั้นที่เราเคยถือหุ้น ยังมีคนอื่นที่ถือหุ้นสื่ออีกหรือไม่ ทำให้ปรากฎข้อมูลว่า มีมากมาย ก็ได้สอบถามทางทะเบียนไปว่ามีข้อมูลของนักการเมืองถือหรือไม่ และก็ได้รับคำตอบว่า มีใครถือ ชื่ออะไร เพราะข้อมูลนี้ไม่ได้เป็นข้อมูลปิด เปิดเผยได้เพราะเป็นข้อมูลสถานะ และมองว่าคงไม่ใช่แค่ตนเองที่รู้ 

แฟ้มภาพ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลง ปมบันทึกรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี

จากนั้นตนเองก็ไปขอคัดข้อมูลที่ตลาดหลักทรัพย์ และข้อมูลถูกส่งเข้ามาในอีเมล เพราะเป็นข้อมูลลับไม่เปิดเผยให้ใคร ซึ่งตนเองก็ไม่ได้ส่งข้อมูลให้ใคร ซึ่งก็ถือข้อมูลมาตั้งแต่ประมาณวันที่ 8 - 9 เม.ย.ที่ผ่านมา จนได้ปรึกษาทนายความหมดแล้ว

"ยอมรับว่า ตอนแรกก็อยากจะไปร้องเรียน เพราะเราเคารพกติกาแล้ว เจอคนไม่เคารพกติกา จึงอยากไปร้อง แต่เราไม่ใช่นักร้อง และเมื่อปรึกษาทนายความแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวที่จะไปทำ พรรคไม่ได้เห็นด้วย เพราะพรรคไม่เคยร้องเรียนใคร จึงตัดสินใจไม่ร้องเรียน ทำให้วันที่ 24 เม.ย.จึงตัดสินใจโพสต์ข้อความลงโซเชียล ยืนยันว่า เป็นการออกมาตักเตือนธรรมดา ไม่ได้จะโจมตีใคร" 

  • "สื่อทีวีไม่ควรมีนักการเมืองถือหุ้น"

กระทั่งเมื่อวันที่ 26 เม.ย.ก็เข้าประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งตอนนั้นรู้แล้วว่ามีนักการเมืองถือหุ้นสื่อไอทีวี จึงตั้งใจว่าอยากจะไปถามว่า ผลจะเป็นอย่างไร เพราะคดีความของไอทีวีเกี่ยวข้องกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือ สปน. ซึ่งการเลือกตั้งก็เป็นการเลือกนายกฯ และนายกฯเป็นนายของสำนักปลัดฯ จึงมองว่าเกี่ยวพันกันหมด

"วันที่ประชุมผู้ถือหุ้น ตนเองเป็นเหมือนผู้ติดตาม แต่ครั้งนี้เป็นการประชุมแบบออนไลน์ ตนเองก็นั่งทานข้าวอยู่กับ"นายภาณุวัฒน์" ก็นั่งประชุมอยู่ด้วยกัน มีการพิมพ์คำถามเข้าไป เพื่อสอบถามประธานในที่ประชุมตั้งแต่เริ่มประชุมวาระแรกๆ จนประธานในที่ประชุมบอกให้คำถามเหล่านี้ไปอยู่ในวาระสุดท้ายเพื่อความเรียบร้อยของการประชุม ซึ่งยืนยันว่าตนเองพิมพ์ข้อความไปถามหลายคำถาม บางอันได้คำตอบ บางอันก็ไม่ได้คำตอบ และตอนที่พิมพ์คำถามจะปรากฎชื่อผู้เข้าร่วมประชุมอยู่แล้ว เพราะต้องล็อกอินเข้าระบบ ซึ่งก็ปรากฎชื่อของ"นายภาณุวัฒน์" 
 
นักข่าวถามว่า ที่ตั้งคำถามว่า มีการดำเนินกิจการเกี่ยวกับสื่อหรือทีวีไหม เป็นการตั้งคำถามเองของ"นายนิกม์" หรือ"นายภาณุวัฒน์"ตั้งคำถาม "นายนิกม์" ตอบว่า ได้พูดคุยกันจนเกิดความคิด และเกิดคำถาม และเหตุผลที่ตั้งคำถามนี้ เพราะมองว่า สื่อทีวี ไม่ควรจะมีนักการเมืองมาถือหุ้นอยู่แล้วตามกติกา เพราะทำให้เกิดความวุ่นวาย และเราก็อยากรู้ว่า ยังดำเนินการสื่ออยู่มั้ย และยังมีการถามด้วยว่าในฐานะผู้ถือหุ้นเราสามารถช่วยอะไรบริษัทได้บ้างหรือไม่

นักข่าวถามถึงกรณีการปรากฎคลิปการประชุมว่าประธานในที่ประชุม ตอบคำถามว่า ตอนนี้บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใดๆ รอผลคดีความให้สิ้นสุดก่อน แต่รายงานการประชุมระบุว่า ปัจจุบันบริษัทยังดำเนินกิจการอยู่ ตามวัตฤประสงค์ของบริษัท และ มีการส่งงบการเงินและยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ เท่าที่เราทราบข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายนิกม์ ตอบว่า 

"หากไปดูวาระการประชุมจะมีทั้งหมด 9 วาระ วาระที่ 1 ก็มีคำถาม วาระที่ 2 ก็มีคำถาม  คลิปเสียงที่ปรากฎน่าจะเป็นวาระที่ 9 อาจจะเป็นคำถามที่พัวพันกับเรื่องของคดีความหรือเปล่า ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นการไปให้ร้ายหรืออะไรได้ แต่ผมคิดว่าบริษัทใหญ่โตขนาดนี้ คงจะมีการบันทึกไว้อยู่แล้ว ก็อยากให้จะบริษัทเปิดเผยดีกว่า เพราะผมก็ไม่มั่นใจว่าจะเป็นความลับของบริษัทหรือไม่”

  • ที่ประชุมผู้ถือหุ้น ยัน"ไอทีวี"ยังเป็นสื่อ 

นักข่าวถามว่า ในที่ประชุมเขาตอบคำถามหรือไม่ว่ามียังดำเนินกิจการสื่ออยู่กี่ครั้ง "นายนิกม์" ตอบว่า เขาก็พูดหลายครั้ง และในประเด็นคลิปวาระที่ 9 เป็นวลีต่อเนื่อง มีแม้กระทั่งว่า บริษัทไอทีวี เคยจ้างที่ปรึกษามาวางแผนว่าจะดำเนินการอะไรบ้างหลายโมเดล

นักข่าวถามย้ำอีก อยากให้ช่วยยืนยันว่า ประธานการประชุมมีการพูดประโยคที่เหมือนกับรายงานการประชุมว่า ไอทีวียังดำเนินกิจการสื่ออยู่จริงหรือไม่ ลักษณะการตอบคำถามเป็นอย่างไร "นายนิกม์" ตอบว่า เขาพูดเว้นวรรคตามที่เขาพิมพ์ เหมือนที่พิมพ์ในรายงานการประชุม ยืนยันว่า มีการพูดแบบข้อความในรายงานการประชุมจริง 

ส่วนพูดในวาระไหนพอจำได้หรือไม่ "นายนิกม์"ตอบว่า พูดในวาระ ที่อยู่ในช่วงประมาณไม่เกินวาระที่ 5 ไม่ใช่ในวาระที่ 9 แต่มีแน่ๆที่ประธานพูด เพราะข้อเท็จจริงหนีไม่พ้นอยู่แล้ว และยืนยันได้ว่า เอกสารรายงานการประชุม กับการพูดในที่ประชุมตรงกัน และที่เปิดเผยข้อทูลออกมาไม่มีอะไรผิดแปลก อยากจะให้บริษัทใหญ่เปิดเผยข้อมูลออกมาเองดีกว่า เพราะเดี๋ยวจะหาว้าตนเองไปให้ร้ายอะไรใครอีก เนื่องจากเจตนาของตนเองไม่ได้ต้องการให้ร้ายใคร แต่เป็นการพูดข้อมูลออกมาจากที่ตนเองได้ยิน

ส่วนข้อมูลของ"นายเรืองไกร" เป็นข้อมูลผู้ถือหุ้นคนละฉบับกับของตนเอง

  • ไม่เคยรู้จัก"เรืองไกร"

กรณีที่ "พรรคก้าวไกล"ออกมาแถลง ว่า มีการทำเป็นขบวนการพวกขวางไม่ให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล "นายนิกม์" ตอบว่า จะเป็นขบวนการตั้งแต่ที่ยังไม่รู้ใครจะได้คะแนนเสียงข้างมากหรือข้างน้อยเลยหรือ ไม่เมคเซ้นเลย และยืนยันว่า ตนเองกับนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ไม่รู้จักกันมาก่อน ไม่มีการรับลูก ไม่รู้จักกันเลย

และตนเองเป็นเพียงคนที่มีอุดมการณ์คนหนึ่งที่ออกมา มีจุดยืนอยากให้ประชาชนได้เห็นเหรียญทั้งสองด้าน

 \"นิกม์\" คนคุ้นเคย \"พิธา\" เปิดปากครั้งสำคัญ เล่าเบื้องหลังบันทึก \"หุ้นสื่อ\"

เมื่อถามย้ำอีกว่า "นายนิกม์" เป็นนอมินีใคร มีใครอยู่เบื้องหลังให้ทำเรื่องนี้หรือไม่ "นายนิกม์" ตอบว่า เซ้นง่ายๆเลย ผมจะเป็นนอมินีใคร ผมจะไปคอนโทรลไอทีวีให้เกิดความบังเอิญในช่วงนั้นเหรอ ผมก็แค่ผู้ถือหุ้นรายย่อย

พร้อมยืนยันว่า  การกระทำของตนเอง ไม่เกี่ยวข้องกับ"พรรคภูมิใจไทย" การกระทำของตนเองเป็นในนามส่วนตัวล้วนๆ และพรรคไม่เคยเห็นด้วย และสิ่งที่ตนเองทำไม่ได้เรียกว่าขุด แต่เป็นข้อเท็จจริงที่ถืออยู่เท่านั้นและก็เปิดออกมา

  • พร้อมให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับ "กกต."

"ข้อมูลที่ตนเองมีก็พร้อมที่จะมอบให้กกต.หากมีการเชิญเพื่อไปให้ข้อมูลก็ยินดี เพราะข้อมูลของตนเองก็เอามาจากบริษัท มาจากตลาดหลักทรัพย์ และที่ต่างๆ ซึ่งตนเองก็มีการอัดคลิปไว้ส่วนตัวด้วย วีดีโอก็มีกระตุกบ้างจึงไม่อยากเปิด เดี๋ยวจะหาว่าไปตัดต่อ แต่หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือ กกต.ต้องการก็สามารถส่งข้อมูลเท่าที่มีให้ได้อยู่แล้ว"

"นายนิกม์" ยังบอกอีกด้วยว่า หลังจากเปิดข้อมูลออกไปนั้น มีบุคคลโทรมาคุกคามตนเองบ้าง และโดนกระแสสังคมโจมตี ทางโซเชียล อย่างหนักด้วยเช่นกันจนคนรอบข้างเป็นห่วง
  
ส่วนที่ สังคมมีการตั้งคำถามกันว่า มีการจัดทำรายงานการประชุมเท็จ หรือมีการทำเอกสารเท็จ "นายนิกม์" ตั้งข้อสังเกตว่า ใครจะกล้า ใครจะทำเอกสารเท็จให้ตัวเองต้องติดคุก และประธานบริษัทใหญ่ขนาดนั้นเขาคิดมารอบคอบ มีการจ้างบริษัทระดับโลกที่มีความน่าเชื่อถือในทำบัญชีด้วย

logoline