svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เปิดแผน "ดึงเช็ง" ทำเซ็งตั้งรัฐบาล สร้างเงื่อนเวลา หวังพลิกเกมสลับขั้ว 

31 พฤษภาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

แม้ปรากฎภาพความหวานชื่น "พิธา -ชลน่าน" แต่ดูเหมือนเหตุการณ์นั้น เกิดขึ้นหลังกระแสข่าว "ดีลลับลังกาวี" ยังตามด้วย"มือกฎหมายไทยคู่ฟ้า" ชี้ช่องพิจารณาคดี "พิธาถือหุ้นสื่อ"แบบรัวๆ ตรงนี้กำลังบ่งบอกสัญญาณบางอย่าง

จาก "ดีลลับลังกาวี" ทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ และความเป็นไปได้ในการใช้เป็นสถานที่พบปะ เจรจา "เกมลับสลับขั้ว" ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็น "ข่าวปิด" ที่มีบางคนพยายามเปิดสู่สาธารณะ

ส่วนข่าวการพบปะหารือกันของแกนนำ 8 พรรค "ว่าที่พรรคร่วมรัฐบาล" ซึ่งนัดกันที่พรรคประชาชาติ ข้อสรุปจากการประชุมมีแต่ความชื่นมื่น 

1.โชว์หวาน โชว์ปึ้กระหว่างหัวหน้าพรรคอันดับ 1 กับอันดับ 2 "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ "หัวหน้าพรรคก้าวไกล  กับ "น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว" หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันร่วมหัวจมท้าย ไม่แยกจากกัน 

2.เรื่องอะไรที่เสี่ยงขัดแย้ง เช่น "เก้าอี้ประธานสภา" ไม่นำมาพูดคุย โยนให้คณะเจรจาไปหาทางออก และคุยกันแค่ 2 พรรค 

เปิดแผน "ดึงเช็ง" ทำเซ็งตั้งรัฐบาล  สร้างเงื่อนเวลา หวังพลิกเกมสลับขั้ว 

3.ตั้งคณะทำงานประสานงานเพื่อการเปลี่ยนถ่ายรัฐบาล เป็นการทำงานในภาพรวม ทั้งเชิงข้อมูล และเชิงประสานงาน เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลเป็นไปอย่างราบรื่น

4.ตั้งคณะทำงานตามภารกิจ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาให้ประชาชน เช่น เศรษฐกิจปากท้อง ราคาน้ำมัน-แก๊ส ปัญหาชายแดนใต้ ซึ่งล้วนเป็นปัญหาเร่งด่วน มีการมอบหมายแกนนำพรรคแต่ละพรรครับผิดชอบแต่ละภารกิจตามความเหมาะสม เพื่อเตรียมการแก้ปัญหาให้ประชาชนไว้ล่วงหน้า เมื่อเริ่มงานอย่างเป็นทางการจะได้ทำงานได้ทันท่วงที 

5.อีกเรื่องที่เสี่ยงขัดแย้ง เห็นไม่ตรงกัน ก็ยังไม่พูด นั่นก็คือ ตำแหน่งรัฐมนตรี 

ส่วน “ข่าวปิด” จากวงประชุมก็คือ 

1.สองพรรคใหญ่ยังตกลงกันไม่ได้เรื่องประธานสภา และยังไม่รู้ว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่ท่าทีคือไม่ยอมให้พรรคอื่น + พรรคเล็ก เข้าไปยุ่ง

2.ยังไม่ตกลงเรื่องแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี อ้างรอการตั้งคณะทำงานตามภารกิจก่อน - จริงๆ แล้วคือดึงเช็ง เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง 

8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล หารือ ตั้งคณะทำงานนโยบายรัฐบาล เมื่อวันที่ 30 พ.ค.66

3.พรรคใหญ่ระดมมากันแบบ Full Team โดยเฉพาะ"พรรคก้าวไกล" กับ"พรรคเพื่อไทย" ส่วนพรรคเล็กๆ เหมือนแค่มานั่งดู ไม่ได้มีโอกาส "แหย่ขา" เข้าไปมากนัก (คำพูดจากแหล่งข่าวที่เล่าให้ฟัง) 

4.มีความกังวลเรื่องท่าทีและนโยบายของรัฐบาลใหม่ ซึ่งสร้างความกังวลใจกับหลายฝ่าย ทั้งข้าราชการ ภาคเอกชน และประชาชนหลายๆ กลุ่ม จึงมีความพยายามเรียกร้องให้สื่อสารกันมากๆ เพื่อลดความหวาดระแวง

สรุปก็คือ ผลการหารือเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม  เหมือนซุกปัญหาไว้ใต้พรม แม้ปัญหาจะยังไม่เกิด แต่ก็พยายามไม่หยิบขึ้นมาพูดก่อน เพื่อรอเวลาที่เหมาะสม และไม่มีการพูดถึงข้อกังวลของหลายฝ่ายเกี่ยวกับ"คดีหุ้นไอทีวี" มีเพียงการแสดงความมั่นใจว่า มีแนวโน้มผ่านได้แน่ๆ 

มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ทั้งจาก "ว่าที่พรรคร่วมรัฐบาล" และฝ่ายรักษาการ

1."คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ" กับ ผู้พันปุ่น "นต.ศิธา ทิวารี" ไม่ได้เดินทางมาร่วม - "คุณหญิงสุดารัตน์" ติดภารกิจที่จังหวัดเชียงใหม่ ส่วน "ผู้พันปุ่น" นต.ศิธา ทิวารี  ติดภารกิจอะไรไม่ได้แจ้ง หรือว่าไม่ต้องการขยายความขัดแย้งกับเพื่อไทย 

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์  เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย

2. "พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส" หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ไม่ได้เข้าร่วมประชุม แค่ส่งตัวแทน 

-มีการให้สัมภาษณ์สื่อ สนับสนุน "น.พ.ชลน่าน" ว่าเหมาะสมเป็นประธานสภามากกว่าคนของพรรคก้าวไกล 

-มีการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคดีหุ้นไอทีวี ฟังแล้วทะแม่งๆ เพราะเหมือนจะเชื่อว่า "ว่าที่นายกฯพิธา" ไม่น่ารอด 

ทั้งสองกรณีนี้ ทำให้ "คอการเมือง" ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นความเคลื่อนไหวที่ "ไม่ธรรมดา" ของว่าที่พรรคร่วมรัฐบาล 

เปิดแผน "ดึงเช็ง" ทำเซ็งตั้งรัฐบาล  สร้างเงื่อนเวลา หวังพลิกเกมสลับขั้ว 

3. "วิษณุ เครืองาม" รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย ออกมาให้ข่าวรายวัน อาจเป็นเรื่องบังเอิญที่วันประชุม ครม.ตรงกับวัน 8 พรรคร่วมหารือ  นายวิษณุจึงมีเวทีพูด 

-มีการพูดเรื่อง "หุ้นไอทีวี" ชี้ช่องว่า "พิธา" ไม่เหมือนกับ คดี"ชาญชัย อิสระเสนารักษ์" ผู้สมัคร ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ที่ศาลคืนสิทธิ์การสมัครใหม่ แม้ถือหุ้นสื่อ แต่เป็นการถือหุ้นทางอ้อม

-มีการพูดฟันธงกลายๆ ว่า คดี "หุ้นไอทีวี" จะมีผลกระทบกับว่าที่นายกฯพิธา ในฐานะที่เป็นแคนดิเดตนายกฯของ"พรรคก้าวไกล" 

-มีการพูดให้เข้าใจได้ว่า การตั้งรัฐบาลชุดใหม่ จะไม่สามารถทำได้สำเร็จในเร็ววัน รัฐบาลรักษาการจึงจัดการปัญหาบางอย่างไปให้ก่อน เช่น ต่ออายุการอยู่ในประเทศไทยของแรงงานต่างด้าว เพื่อป้องกันการขาดแคลนแรงงานในภาคธุรกิจ 

พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

4.นายกฯรักษาการ "พลเอกประยุทธ์​ จันทร์โอชา" ออกมาปราม "ว่าที่นายกฯพิธา" ทำนองว่ายังไม่ได้เป็นรัฐบาลจริงๆ อย่าเพิ่งมายุ่งกับการบริหารราชการ หรือสั่งงานข้าราชการ - นัยคือ ยังไม่ถึงเวลา และยังอาจจะอีกนานกว่าจะได้เป็นรัฐบาล 

ความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้สอดรับอย่างไม่น่าเชื่อกับ "ข่าวเชิงลึก" ที่ “เนชั่นทีวี” ได้มา 

1.มีการส่งสัญญาณให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่มีผลต่อ "ดีลลับสลับขั้ว" อยู่ในความสงบ เพื่อให้ข่าวนิ่ง ลดการวิพากษ์วิจารณ์ 

2."คดีหุ้นไอทีวี"เริ่มขยับ ทั้งจากฝ่ายผู้ร้อง ฝ่ายกกต​. และฝ่ายผู้รู้นอกกระบวนการ เช่น "นายวิษณุ" มีการให้ข่าวรายวัน เพื่อให้คนเริ่มชิน และเริ่มเข้าใจว่า "คดีหุ้นไอทีวี" เป็นอุปสรรคสำคัญในการขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯของ"นายพิธา"จริงๆ 

3.ทอดเวลาการรับรอง ส.ส.ออกไปให้นานที่สุด และอาจมีการแจกใบแดง ใบเหลือง ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่บางส่วน เพื่อดึงความสนใจของสังคม สลับกับการรับรอง ส.ส.บางส่วน เพื่อลดแรงกดดันของสังคมที่รออย่างจดใจจ่อ 

เปิดแผน "ดึงเช็ง" ทำเซ็งตั้งรัฐบาล  สร้างเงื่อนเวลา หวังพลิกเกมสลับขั้ว 

4.ตอกย้ำว่ารัฐบาลชุดใหม่ ไม่ได้ตั้งได้ง่ายๆ เพื่อให้คนเชื่อว่ารออีกนาน และมีอุปสรรคขวากหนามมาก ทั้งคดีหุ้นไอทีวี และคดีอื่นๆ ฝ่ายนักร้องเรียนก็หาประเด็นร้องเพิ่มทุกวัน 

5.เมื่อรอนานจนเบื่อ สังคมจะเริ่มเซ็ง และเริ่มซึมซับปัญหาและอุปสรรคของการตั้งรัฐบาลพรรคก้าวไกล 

สุดท้ายเมื่อ"คดีหุ้นไอทีวี"ออกฤทธิ์ จะเป็นสิ่งที่ทุกคนคาดเดาได้อยู่แล้ว อาจมีการระบายอารมณ์กันในโซเชียลมีเดียบ้าง แต่น่าจะไม่มีม็อบขนาดใหญ่ เพราะทุกคนจะอุทานแค่ว่า “...ว่าแล้ว” (กรูว่าแล้ว)

6."พิธา"จะมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ จน ส.ว.ไม่สามารถโหวตให้ได้จริงๆ และรวมถึง ส.ส.อีกจำนวนไม่น้อยด้วย (ฝ่ายรัฐบาลรักษาการ ซึ่งสองฝ่ายนี้เป็นเสียงส่วนใหญ่ของรัฐสภา) 

7.ไม่ว่าประธานสภาจะเป็นใคร แต่สุดท้ายก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรวบรวมเสียงเพื่อเสนอแคนดิเดตนายกฯคนใหม่ เพราะประเทศชาติต้องมีผู้นำ

นำไปสู่ความจำเป็นของการดึงพรรคร่วมรัฐบาลเดิมบางพรรคเข้าร่วม หากหนึ่งในนั้นเป็นพลังประชารัฐ หรือภูมิใจไทย "ด้อมส้ม" จะว่าอย่างไร (กรณีภูมิใจไทย ประชาชาติจะว่าอย่างไร เพราะนโยบายหาเสียง และทิศทางการทำงานทางการเมืองเป็นปฏิปักษ์กันอย่างมาก ไม่ว่าจะเรื่องกัญชา เรื่องที่ดินเขากระโดง ส่วนพลังประชารัฐ ก็อ้างว่าเป็นพรรคลุง แต่ถ้าดึงประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ก็เสียงสนับสนุนไม่พอ) 

สุดท้าย"ก้าวไกล" อาจถอยออกจากสมการการจัดตั้งรัฐบาลเอง โดยอ้างอุดมการณ์ ขณะที่เพื่อไทยก็จะมีความชอบธรรมในการจับขั้วตั้งรัฐบาลใหม่ และเดินหน้า "อ้าง" สร้างความปรองดองเพื่อชาติ

ทั้งหมดนี้คือเกม "เกมดึงเช็ง...ทำเซ็งตั้งรัฐบาล" เพื่อการเปลี่ยนผ่านนอกแผนที่ราบรื่นที่สุด

logoline