26 พฤษภาคม 2566 "ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก" ประธานคณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย ในฐานะอดีตที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้ความเห็นกับเรื่องนี้ว่า พรรคก้าวไกลน่าจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับบทบาทการทำหน้าที่ของประธานสภา เพราะจริงๆ แล้วประธานสภาต้องเป็นกลาง ไม่เอนเอียงเข้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และไม่ได้มีหน้าที่ผลักดันกฎหมายให้พรรคการเมืองหนึ่ง พรรคการเมืองใด แต่ต้องทำหน้าที่เพื่อสมาชิกทุกคน จากทุกพรรคการเมือง
ดร.เจษฎ์ กล่าวต่อว่า ฉะนั้นการที่พรรคก้าวไกลออกมาแสดงจุดยืนตามที่เป็นข่าว เท่ากับว่าพรรคก้าวไกลต้องการให้ตำแหน่งประธานสภาเป็นตำแหน่งของพรรค ทำเพื่อผลักดันวาระของพรรคตน และต้องเป็นคนจากพรรคก้าวไกลเท่านั้น ซึ่งไม่น่าจะถูกต้อง
ทั้งนี้ ตามธรรมเนียมการปกครองในระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา พรรคการเมืองที่ได้ ส.ส.มากที่สุดจากการเลือกตั้ง จะได้สิทธิในการรวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่ไม่ได้แปลว่าต้องได้เป็นรัฐบาลเท่านั้น เพราะหากรวบรวมเสียงข้างมากไม่ได้ ก็จะเป็นสิทธิของพรรคลำดับ 2 ในการรวบรวมเสียง ส.ส. เพื่อจัดตั้งรัฐบาลแทน
ส่วนปัญหาระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยนั้น ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในทางการเมือง เนื่องจากโดยปกติ พรรคที่ได้ ส.ส.อันดับ 1 กับอันดับ 2 มักไม่ค่อยร่วมรัฐบาลด้วยกัน ยกเว้นจำนวน ส.ส.ห่างกันมากๆ มิฉะนั้นจะมีปัญหาเรื่องการเจรจาแบ่งงาน แบ่งตำแหน่ง ซึ่งอาจมีความต้องการทับซ้อนกัน