svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เทียบฟอร์ม 3 ว่าที่ประมุขนิติบัญญัติ ศึกงัดข้อ "คนกันเอง"

25 พฤษภาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศึกชิงเก้าอี้"ประธานสภา" อยู่ในสถานการณ์ที่แต่ละฝ่าย "แพ้ไม่ได้" หลังเกิดคลื่นใต้น้ำรุนแรง "ก้าวไกล" ขึงขังออกอาการจะไม่ยอมยกตำแหน่งให้ "เพื่อไทย" หมอชลน่าน คือไม้ตายเด็ด หลังมีชื่อเข้าชิงประมุขนิติบัญญัติ

หากลองเทียบดูจากคุณสมบัติของรายแรก คือ หมอชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อายุ 62 ปี

เป็น ส.ส.มาแล้ว 6 สมัย (ตั้งแต่ปี 2544) และเป็น ส.ส.เขตมาตลอด (นัยของ ส.ส.เขต คือสัมผัสประชาชน มาทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรจริง ๆ ไม่ใช่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ตามหลักการของรัฐธรรมนูญแล้ว เป็นบัญชีฝ่ายบริหารที่ให้ประชาชนเลือกเข้าไปเป็นรัฐบาล)

หมอชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีชื่อเข้าชิงประมุขนิติบัญญัติ

อีกทั้งยังเคยเป็น รมช.สาธารณสุข ,ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ,หัวหน้าพรรคการเมืองที่มีจำนวน ส.ส.มากที่สุดในสภาชุดที่แล้ว และเคยเป็นดาวเด่นสภา ตามการตั้งฉายาของสื่อมวลชนสายรัฐสภา เมื่อปี 2552

ส่วนว่าที่ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติที่มีข่าวว่า ฟากฝั่งก้าวไกลจะเสนอ คือ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล อายุ 44 ปี

ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล มีชื่อเข้าชิงประมุขนิติบัญญัติ

ประสบการณ์ที่ผ่านมา ยังไม่เป็นเคย ส.ส. (กำลังจะได้เป็นรอบนี้ เพราะอยู่ลำดับที่ 2 ในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์พรรคก้าวไกล) เคยเป็นรองเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ก่อนที่ล่าสุดจะมาเป็นเลขาธิการพรรคก้าวไกล ว่ากันว่ามีบุคลิกมือประสานสิบทิศ เพราะได้รับความไว้วางใจ คุมยุทธศาสตร์เลือกตั้งจนประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำให้พรรคก้าวไกลเบียดชนะเพื่อไทย ได้ ส.ส.มาเป็นอันดับ 1 แต่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในสภาผู้แทนราษฎร

ย้อนกลับไปเคยเป็นเลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย รวมถึงยังมีประสบการณ์ด้านสื่อสารมวลชนติดตัวมาด้วย เพราะเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน นั่งตำแหน่งบรรณาธิการ 

ล่าสุด ท่ามกลางการชิงเก้าอี้ประธานสภา จนปัญหาเริ่มบานปลาย มีข้อเสนอผ่าทางตันให้ใช้บริการ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคอันดับ 3 ของว่าที่พรรคร่วมรัฐบาล (พรรคประชาชาติ) มานั่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อสงบศึกทั้งสองฝ่าย

วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ มีชื่อเข้าชิงประมุขนิติบัญญัติ

ลองดูคุณสมบัติอาจารย์วันนอร์ อายุ 79 ปี เป็น ส.ส.มาแล้ว 10 สมัย (ไม่นับเลือกตั้งปี 66) เคยเป็นประธานสภามาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อปี 2539 ถึงปี 2543 เคยเป็นรองนายกฯ และเป็นรัฐมนตรีมาแล้วหลายกระทรวง

นอกจากนี้ ยังสังกัดมาแล้วหลายพรรค อาทิ กิจสังคม ประชาธิปัตย์ ความหวังใหม่ ไทยรักไทย ประชาชาติ จึงมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก มีความอาวุโสในสภาน้อง ๆ ประธานฯชวน และถือว่ามีบารมี

เทียบฟอร์ม 3 ว่าที่ประมุขนิติบัญญัติ ศึกงัดข้อ "คนกันเอง"

ขณะนี้กระแสเสนอ "บุคคลที่สาม" ผ่าทางตันในตำแหน่งประธานสภา มาแรงขึ้น แต่มีปัญหาที่ต้องนำมาพิจารณาคือ

1. อาจารย์วันนอร์ สูงวัยเกินไปหรือไม่ ที่จะต้องรับศึกหนักในสภาที่มีแต่ความขัดแย้ง แตกแยก แตกต่าง ในวัย 79 ปี **ตอนเป็นประธานสภาสมัยแรก อ.วันนอร์ อายุ 55 ปี

2. หากประธานสภา เป็นชื่ออื่นที่ไม่ใช่คนจากพรรคก้าวไกล ย่อมถือว่า ก้าวไกลพ่ายแพ้อยู่ดี เพราะ "ก้าวไกล" ต้องการคนของตัวเองเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติเท่านั้น เพื่อผลักดันวาระของตัวเองให้เข้าสู่การพิจารณาของสภา ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกฎหมายชุดแรกอีก 45 ฉบับ

การได้ "บุคคลที่สาม" มาเป็นประธานสภา อาจแก้ปัญหารอยร้าวของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะกับพรรคเพื่อไทยได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่า พรรคก้าวไกลจะผลักดันวาระของตัวเองได้ 100% เหมือนให้คนของตัวเองนั่งประธานสภา

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

นายชัยธวัช คือเพื่อนสนิทของนายธนาธร ตั้งแต่สมัยมัธยม รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียน เคยร่วมกิจกรรมการเมืองบนท้องถนนด้วยกัน ตั้งสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน และร่วมงานการเมือง ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่มาด้วยกัน ฉะนั้นจึงเท่ากับเป็นตัวแทน นายธนาธร ในมิติของฝ่ายนิติบัญญัติ

อาจารย์วันนอร์ แท้ที่จริงแล้วก้าวไกล คุมได้หรือไม่ และลึก ๆ แล้ว เป็นฝ่ายไหนกันแน่ อาจจะตอบยาก แต่ถ้าให้เลือกสายสัมพันธ์ระหว่างก้าวไกลกับเพื่อไทย ก็ต้องยอมรับว่า ใกล้ชิดเพื่อไทยมากกว่า เพราะเคยอยู่ไทยรักไทย เคยร่วมงานกับนายทักษิณ เคยเป็นถึงรองนายกฯ และเป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในยุครัฐบาลทักษิณ

พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ

ที่สำคัญ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง อดีตเลขาธิการ ศอ.บต. ในยุค "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ซึ่งก็ว่ากันว่าเป็นสายตรงคนแดนไกล ทั้งพี่ทั้งน้อง คงทำให้พรรคก้าวไกลคิดหนัก หากจะผลักดันหัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภา และหากหวยออกที่อาจารย์วันนอร์ เท่ากับพรรคก้าวไกลพ่ายแพ้นั่นเอง

logoline