หากลองเทียบดูจากคุณสมบัติของรายแรก คือ หมอชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อายุ 62 ปี
เป็น ส.ส.มาแล้ว 6 สมัย (ตั้งแต่ปี 2544) และเป็น ส.ส.เขตมาตลอด (นัยของ ส.ส.เขต คือสัมผัสประชาชน มาทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรจริง ๆ ไม่ใช่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ตามหลักการของรัฐธรรมนูญแล้ว เป็นบัญชีฝ่ายบริหารที่ให้ประชาชนเลือกเข้าไปเป็นรัฐบาล)
อีกทั้งยังเคยเป็น รมช.สาธารณสุข ,ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ,หัวหน้าพรรคการเมืองที่มีจำนวน ส.ส.มากที่สุดในสภาชุดที่แล้ว และเคยเป็นดาวเด่นสภา ตามการตั้งฉายาของสื่อมวลชนสายรัฐสภา เมื่อปี 2552
ส่วนว่าที่ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติที่มีข่าวว่า ฟากฝั่งก้าวไกลจะเสนอ คือ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล อายุ 44 ปี
ประสบการณ์ที่ผ่านมา ยังไม่เป็นเคย ส.ส. (กำลังจะได้เป็นรอบนี้ เพราะอยู่ลำดับที่ 2 ในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์พรรคก้าวไกล) เคยเป็นรองเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ก่อนที่ล่าสุดจะมาเป็นเลขาธิการพรรคก้าวไกล ว่ากันว่ามีบุคลิกมือประสานสิบทิศ เพราะได้รับความไว้วางใจ คุมยุทธศาสตร์เลือกตั้งจนประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำให้พรรคก้าวไกลเบียดชนะเพื่อไทย ได้ ส.ส.มาเป็นอันดับ 1 แต่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในสภาผู้แทนราษฎร
ย้อนกลับไปเคยเป็นเลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย รวมถึงยังมีประสบการณ์ด้านสื่อสารมวลชนติดตัวมาด้วย เพราะเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน นั่งตำแหน่งบรรณาธิการ
ล่าสุด ท่ามกลางการชิงเก้าอี้ประธานสภา จนปัญหาเริ่มบานปลาย มีข้อเสนอผ่าทางตันให้ใช้บริการ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคอันดับ 3 ของว่าที่พรรคร่วมรัฐบาล (พรรคประชาชาติ) มานั่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อสงบศึกทั้งสองฝ่าย
ลองดูคุณสมบัติอาจารย์วันนอร์ อายุ 79 ปี เป็น ส.ส.มาแล้ว 10 สมัย (ไม่นับเลือกตั้งปี 66) เคยเป็นประธานสภามาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อปี 2539 ถึงปี 2543 เคยเป็นรองนายกฯ และเป็นรัฐมนตรีมาแล้วหลายกระทรวง
นอกจากนี้ ยังสังกัดมาแล้วหลายพรรค อาทิ กิจสังคม ประชาธิปัตย์ ความหวังใหม่ ไทยรักไทย ประชาชาติ จึงมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก มีความอาวุโสในสภาน้อง ๆ ประธานฯชวน และถือว่ามีบารมี
ขณะนี้กระแสเสนอ "บุคคลที่สาม" ผ่าทางตันในตำแหน่งประธานสภา มาแรงขึ้น แต่มีปัญหาที่ต้องนำมาพิจารณาคือ
1. อาจารย์วันนอร์ สูงวัยเกินไปหรือไม่ ที่จะต้องรับศึกหนักในสภาที่มีแต่ความขัดแย้ง แตกแยก แตกต่าง ในวัย 79 ปี **ตอนเป็นประธานสภาสมัยแรก อ.วันนอร์ อายุ 55 ปี
2. หากประธานสภา เป็นชื่ออื่นที่ไม่ใช่คนจากพรรคก้าวไกล ย่อมถือว่า ก้าวไกลพ่ายแพ้อยู่ดี เพราะ "ก้าวไกล" ต้องการคนของตัวเองเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติเท่านั้น เพื่อผลักดันวาระของตัวเองให้เข้าสู่การพิจารณาของสภา ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกฎหมายชุดแรกอีก 45 ฉบับ
การได้ "บุคคลที่สาม" มาเป็นประธานสภา อาจแก้ปัญหารอยร้าวของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะกับพรรคเพื่อไทยได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่า พรรคก้าวไกลจะผลักดันวาระของตัวเองได้ 100% เหมือนให้คนของตัวเองนั่งประธานสภา
นายชัยธวัช คือเพื่อนสนิทของนายธนาธร ตั้งแต่สมัยมัธยม รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียน เคยร่วมกิจกรรมการเมืองบนท้องถนนด้วยกัน ตั้งสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน และร่วมงานการเมือง ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่มาด้วยกัน ฉะนั้นจึงเท่ากับเป็นตัวแทน นายธนาธร ในมิติของฝ่ายนิติบัญญัติ
อาจารย์วันนอร์ แท้ที่จริงแล้วก้าวไกล คุมได้หรือไม่ และลึก ๆ แล้ว เป็นฝ่ายไหนกันแน่ อาจจะตอบยาก แต่ถ้าให้เลือกสายสัมพันธ์ระหว่างก้าวไกลกับเพื่อไทย ก็ต้องยอมรับว่า ใกล้ชิดเพื่อไทยมากกว่า เพราะเคยอยู่ไทยรักไทย เคยร่วมงานกับนายทักษิณ เคยเป็นถึงรองนายกฯ และเป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในยุครัฐบาลทักษิณ
ที่สำคัญ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง อดีตเลขาธิการ ศอ.บต. ในยุค "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ซึ่งก็ว่ากันว่าเป็นสายตรงคนแดนไกล ทั้งพี่ทั้งน้อง คงทำให้พรรคก้าวไกลคิดหนัก หากจะผลักดันหัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภา และหากหวยออกที่อาจารย์วันนอร์ เท่ากับพรรคก้าวไกลพ่ายแพ้นั่นเอง