svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง พรรคกลาง-เล็ก-ใหม่ โอกาสแจ้งเกิดส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์?

ไม่เพียงแต่กติกาเลือกตั้งกำหนด"บัตรสองใบ" ทำให้พรรคขนาดกลางและขนาดเล็กต่างรู้ชะตากรรม ยังต้องเผชิญคู่แข่งในพื้นที่ที่มาพร้อมกระแสแรง โอกาสคว้าที่นั่งจึงแทบจะยากแสนยาก ติดตามในโพลิทิกส์พลัส "เมฆาในวายุ"

"พรรคขนาดกลาง"และ"พรรคหน้าใหม่"ที่ลงสนามคราวนี้ โอกาสที่จะคว้าผู้แทนฯแบบบัญชีรายชื่อนั้น ยากแสนยาก เพราะ 3.5 แสนคะแนนต่อหนึ่งส.ส.บัญชีรายชื่อนั้นคือ "งานหิน" ที่ยากจะฝ่าไปได้

การลงทุนลงแรงตระเวนทั่วไทยเพื่อขอคะแนนในห้วงเวลาที่ผ่านมาของแกนนำพรรคเหล่านี้จะคุ้มค่าหรือไม่ และหลังปิดหีบเลือกตั้ง อาจจะมีกระแสข่าวปูดขึ้นว่า ใครบางคนอาจต่อมน้ำตาแตกกับผลคะแนนที่ปรากฏ รวมทั้งพรรคหนึ่งเสียงที่เคยปรากฏตัวเมื่อสี่ปีที่แล้ว คราวนี้อาจสาบสูญไปจากวงการ

พรรคไทยสร้างไทย ภายใต้การนำของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์  ปราศรัยใหญ่ ลานพารากอน

ปัจจัยมาจากเหตุใด 

กติกาบัตรเลือกตั้งครั้งนี้ ตกลงกันคร่าวๆว่า 3.5 แสนคะแนนในบัตรสีเขียว(ส.ส.บัญชีรายชื่อ) จะได้หนึ่งส.ส. ส่วนส.ส.เขตนั้นว่ากันว่าใครแตะ"สองหมื่นคะแนนกลางๆจนถึงสามหมื่นแต้ม"กับบัตรสีม่วงโอกาส"เข้าวินสูง" เมื่อไล่เรียงผลโพลสำนักต่างๆจะพบการประเมินล่วงหน้าว่า "พรรคใดจะมีส.ส.ทั้งสองระบบ พรรคละกี่คน..."

67 พรรคการเมือง ที่ลงแข่งขันในวันที่ 14 พฤษภาคม นักวิเคราะห์การเมืองมองว่า พรรคใดจะได้ส.ส.กี่คน ล่าสุด"พรรคเพื่อไทย"กับ"พรรคก้าวไกล"มีแนวโน้มคว้า"อันดับหนึ่งและอันดับสอง"น่าจะทิ้งห่างพรรคอันดับสามหลายช่วงตัว ตรงนี้ คือ งานหินของพรรคขนาดกลางและเล็กในการเลือกตั้งงวดนี้ เป็นงานยากแสนยากที่กว่าจะได้สัก"หนึ่งคะแนนมาเติมฝันให้เต็ม"

 

พรรคก้าวไกล โดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ปราศรัยใหญ่ที่ ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่ ดินแดง

เมื่อการแข่งขันของสองขั้ว ฝั่งหนึ่ง "เสรีนิยม"( พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ  พรรคไทยสร้างไทย) กับ"ขั้วอนุรักษ์นิยม" ( พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ) หรือพรรคที่สามารถสวิทช์ได้อย่าง"พรรคชาติไทยพัฒนา" พรรคชาติพัฒนากล้า ชาวบ้านจะมองว่าเลือกพรรคใดแล้วคะแนนไม่ตกน้ำจะดีที่สุด...

ส่วนพรรคจิ๋วๆที่เคยปรากฏตัวในปี 2562 หรือที่ชาวบ้านรู้จักในนามส.ส.ปัดเศษนั้น งวดนี้อาจไม่มีพรรคเหล่านี้แจ้งเกิดและความเป็นไปได้สูงยิ่ง.....

คราวนี้ต้องมองว่าส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของแต่ละพรรคจะเข้าเป้าตามที่พรรคนั้นๆวางลำดับความสำคัญของผู้สมัครไว้หรือไม่ อย่าลืมว่า กว่าจะคว้าหนึ่งคะแนนมาเติมให้บัตรสีเขียวนั้น หากผู้สมัครส.ส.เขต ของพรรคนั้นๆที่ใช้บัตรสีม่วง"คะแนนนิยม"ไม่เยอะ ตรงนี้จะพากันลงเหวทั้งสองบัตร และมีน้อยเขตที่ชาวบ้านจะเลือกส.ส.เขตจากพรรคหนึ่ง และลงคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ให้อีกพรรคหนึ่ง 

แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ปราศรัยใหญ่ที่ อาคารอิมแพค อารีนา เมืองทองธานี

บวกกับเบอร์ของพรรคหลักๆที่ใช้หาแต้มงวดนี้ หลายพรรคอยู่ในเบอร์ที่ชาวบ้านจำยาก และอย่ามองข้ามโลโก้พรรคต่างๆในบัตรสีม่วงด้วย เพราะบางพรรคมีโลโกและอักษรย่อของพรรคนั้นๆที่คล้ายกับพรรคใหญ่ๆบางพรรคเสียด้วย ตรงนี้ อาจทำให้คะแนนของบางพรรคไหลไปพรรคเหล่านั้นแบบฟรีๆ

หากให้น้ำหนักพรรคขนาดกลางและพรรคน้องใหม่ เช่น พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย จะคว้าส.ส.เข้าเป้าหรือไม่ มองกันตรงๆแบบไม่อ้อมค้อม พรรคเหล่านี้จะมีส.ส.สองระบบเท่าใดกันแน่และจะแทรกเป็นตัวกลางในการตั้งรัฐบาลใหม่ได้หรือไม่

พรรคชาติพัฒนากล้า เป็นอีกพรรคการเมืองขนาดกลางถึงเล็ก

กูรูการเมืองหลายคน มองว่า พรรคเหล่านี้จะมีโอกาสแตะส.ส.สองระบบได้เต็มที่ เฉลี่ยพรรคละ 5 - 7 คน สูงสุด 10 - 15 คน บางพรรคมีโอกาสได้ส.ส.น้อยกว่าที่หลายคนประเมินไว้แบบไม่น่าเชื่อ

ชาวบ้านรู้แล้วว่า พรรคใดแยกมาจากพรรคไหน พรรคนั้นๆ หากลงแต้มให้แล้วจะมีโอกาสขยับนโยบายพรรคที่ไปหาเสียงไว้เพียงใด บวกกับการขย่มของพรรคใหญ่ ๆ เช่น"พรรคเพื่อไทย"ที่ประกาศไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง  และขอชาวบ้านลงคะแนนแบบแลนด์สไลด์แตะหลัก 310 ส.ส. ตรงนี้ยิ่งปิดประตูสู่สภาเกียกกายไปอีกชั้นหนึ่ง

คุณหญิงสุดารัตน์  เกยุราพันธุ์  หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย

เมื่อประเมินว่าแต่ละพรรคจะมีส.ส.เท่าใดกันแล้ว คณิตศาสตร์การเมืองในขั้นต้นเชื่อว่า แกนนำแต่ละพรรคมองแล้วว่าควรเชิญพรรคใดมาเสริมแกร่ง บวกกับไล่เช็กประวัติ และย้อนความหลังครั้นวันวานว่า คีย์แมนพรรคใดกล่าวให้ร้ายพาดพิงในช่วงใดบ้าง การแยกตัวมาตั้งพรรคใหม่ขึ้นเพื่อสู้กับพรรคอื่นๆและอดีตต้นสังกัดนั้น ความหลังครั้นวันวานคือองค์ประกอบหนึ่งที่มองข้ามมิได้ หากจะมอบสะพานไมตรีให้ก้าวขึ้นมาร่วมรัฐนาวาลำใหม่ด้วยกัน

ฉะนั้น ความหวังที่เหลืออยู่ของพรรคเหล่านี้ น่าจะอยู่ที่จุดตัดคะแนนของ"พรรคเพื่อไทย"กับ"พรรคก้าวไกล" รวมทั้งการตัดสินใจของประชาชน 52,287,045 คน ที่มีสิทธิลงคะแนนในคราวนี้ว่าจะเทใจให้ฝ่ายเสรีนิยมหรือขั้วอนุรักษ์นิยมเคียงข้างกันด้วย