ยุ่งแน่! "ชาญชัย"ชี้ ทุกพรรคเป็นเจ้าของสื่อฯ ผิดรธน.หนักกว่าปม "พิธา"

11 พฤษภาคม 2566 จากกรณีปมถือหุ้น itv ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคก้าวไกล  ที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในขณะนี้ แต่ที่ถูกศาลพิพากษาและคืนสิทธิ์ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้ หลังจากถูกแขวนไว้ 19 วัน

นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้สมัครส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.นครนายก เขต 2 ซึ่งถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดนครนายก ทำหนังสือแจ้งตัดสิทธิ์เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เมื่อช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา และศาลได้พิจารณาเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ให้คืนสิทธิ์

ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี 22 ได้สัมภาษณ์ นายชาญชัย เปรียบเทียบกับกรณี นายพิธา ว่า ข้อเท็จจริงของเขาเป็นอย่างไรตนไม่ชัด แต่ของตนเป็นประเด็นผู้ถือหุ้นทางอ้อม ของคุณพิธา เป็นผู้ถือหุ้นทางตรง โดยมีประเด็นพิจารณาคือ 

ประเด็นที่ 1.คุณพิธา เป็นผู้ถือหุ้นโดยตรงกับบริษัทไอทีวี แต่ตนเป็นผู้ถือหุ้นทางอ้อม ตามที่กกต.ตั้งข้อกล่าวหา

ประเด็นที่ 2 เกี่ยวกับเรื่อง จำนวนหุ้น ตรงนี้ตนไม่รู้ข้อเท็จจริงตอบยาก เพราะเป็นเรื่องหลักฐานที่เขาจะใช้แสดงในศาล และข้อมูลที่ออกมาตามสื่อยังไม่ตรงกัน

ตนจะขอกล่าวในหลักของกฎหมายที่ศาลพิพากษาคืนสิทธิ์ให้ ซึ่งในรายละเอียดของ คำพิพากษา เกินเลยไปจากการถือหุ้น กลายไปเป็นเจ้าของสื่อ เกี่ยวกับเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ติ๊กต๊อกหรือแอปพลิเคชั่นอื่นๆ ถือว่า พรรคการเมือง หรือนักการเมือง เป็นเจ้าของด้วย ซึ่งเป็นประเด็นที่อธิบายอยู่ในคำพิพากษาของตน ซึ่งในการพิจารณามีการเชิญอาจารย์ที่เชี่ยวชาญ มาให้ความเห็นด้วยและซักละเอียดมาก มาให้ความหมายว่า ใครที่ครอบครองสื่อ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ติ๊กต๊อกหรือแอปพลิเคชั่นต่างๆ ถือว่าเป็นเจ้าของสื่อ ประเด็นนี้ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นแล้วนะ เป็นเจ้าของสื่อ

เวลานี้เจ้าของพรรคการเมืองทั้งหมด เข้าไปเป็นเจ้าของสื่อหรือไม่ เมื่อวานนี้(10 พ.ค.) ตนไปยื่นหนังสือถามกกต.ว่าการเป็นเจ้าของสื่อต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 83 หรือไม่ และกม.ประกอบรธน.มาตรา 42 (3) หรือไม่ ในกรณีพรรคการเมืองและนักการเมืองใช้สื่อ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ติ๊กต๊อกหรือแอปพลิเคชั่นต่างๆในขณะนี้

“ปัจจุบันมีการนำข้อมูลไปลง รับเงินบริจาค อะไรเหล่านี้ และมีรายได้เกิดขึ้นด้วย เอาข้อมูลที่ผลิตส่งไปให้เขาอีกด้วย แล้วให้ประชาชนชมชอบ เหมือนขายสินค้าอีกด้วย ที่กล่าวมาเข้าองค์ประกอบผิดกฎหมายทั้งหมด ตอนนี้กำลังเป็นปัญหากับกฎหมาย”

เรื่องนี้หนักกว่าที่คุณพิธา กำลังถูกกล่าวหามาก เพราะระบุอยู่ในคำพิพากษาด้วย

เมื่อวาน(10 พ.ค.) ตนได้ยื่นเรื่องพร้อมใบปะหน้าให้กกต.พิจารณาเรื่องนี้ด่วน เพราะเป็นการใช้อำนาจกกต.เหนือรัฐธรรมนูญ เพราะกกต.อนุญาตให้ทำ เนื่องจากคงไม่คาดคิดว่า เรื่องนี้จะเป็นประเด็น ตนเป็นกรณีเดียว ที่ถูกศาลชี้เรื่องนี้ ที่กล่าวมาไม่ได้เป็นความคิดเห็น แต่เป็นคำพิพากษาของศาล

ศาลมีความละเอียด ไม่ได้หมายความว่าศาลตัดสินโดยพละการ เพราะมีการเชิญอาจารย์ที่เชี่ยวชาญ มาให้ความเห็นและซักละเอียดมาก

ตนยังถามอาจารย์ที่มาให้ความเห็นกับศาลว่า แล้วนักการเมืองและพรรคการเมือง ที่มาสมัครก่อนหน้าและขณะนี้ ครอบครองสื่อเหล่านี้อยู่ ถือเป็นการครอบครองสื่อมวลชนหรือไม่ อาจารย์บอกว่าใช่

ดังนั้นกกต. ต้องส่งเรื่องนี้ให้ศาลวินิจฉัย ส่วนจะมีคำวินิจออกมาว่าเป็นลักษณะแบบไหน ไม่ทราบ แต่ขณะนี้ตนมีคำพิพากษารองรับมาแบบนี้ จะไปตีความว่าผิดทั้งหมดทุกคนไหม ตนไม่รู้ แต่เข้าองค์ประกอบเจ้าของสื่อหมดเลย ซึ่งกกต.ต้องเร่งทำเรื่องนี้ ต้องเรียกหารือด่วน จะส่งเรื่องให้ศาลตีความก็ว่าไป เพราะเป็นอำนาจกกต.และเรื่องนี้มีระบุในรธน. ถ้ามานั่งไล่ฟ้องทีละรายเรื่องไม่จบ 

“ผมโดนข้อกล่าวหาสื่อมวลชนอื่นใดนะ เยลโล่ เพจเจสทำหนังสือ รับโฆษณา โดยทำระบบธุรกิจออนไลน์ ถือเป็นสื่อมวลชนออนไลน์ ซึ่งเฟซบุ๊ก ที่ทางพรรคและผู้สมัครทำก็เหมือนกัน คือ กำลังโฆษณาหาเสียง ดีกว่าคนอื่นอย่างไร ก็ขายสินค้าแบบเดียวกัน บางพรรคไปรับบริจาคเงินด้วย ตรงนี้เป็นเรื่องอำนาจกกต.ที่ต้องเร่งพิจารณาแก้ไข เพราะถ้าไปรับรอง ทั้งที่เขาผิดรัฐธรรมนูญ กกต.โดนด้วย เพราะกกต.เป็นต้นเหตุด้วยเรื่องนี้ มาตัดสิทธิ์ผมในข้อหาถือสื่อมวลชนอื่นใด ละเมิดผมไปนะ 19 วันผมหาเสียงไม่ได้”

นายชาญชัย กล่าวว่า เรื่องละเมิดฟ้องได้อยู่แล้ว ใช้เวลา 3 ชั่วโมงตัดสินตนจบเลย เขาทำโดยไม่รอบคอบอยู่แล้ว 

เมื่อถามย้ำว่า จะฟ้องไหม ฟ้องอยู่แล้วไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียว เรื่องอื่นด้วย ที่ไปยื่นหนังสือให้คณะกรรมการเลือกตั้ง ดูข้อความตนแล้วจะรู้ทันทีว่า ตนกำลังจะทำอะไร คือ ให้กกต.เห็นว่ากำลังทำผิดกฎหมายรธน. คุณห้ามไม่ให้ทำ แต่คุณก็ไปสั่งให้เขาทำ จะเอาอย่างไรกันแน่ งง

เมื่อถามว่า มองการทำงานของกกต.ชุดนี้อย่างไร นายชาญชัย กล่าวว่า ไม่ใช่กกต.ชุดนี้ชุดเดียว กกต.ชุดปี 54 ร้องมีการโกงเลือกตั้ง ที่ร.ร.นายร้อยจปร. 500 กว่าราย อยู่ในคำพิพากษา ตนส่งให้กกต.เป็นคู่ความด้วย แต่กกต.ไม่ไล่ออก ไม่ลงโทษคนทำผิดเลยแม้แต่คนเดียว

“แต่ตนยังลงสมัครส.ส.ถึงจะเบื่อกกต. ตนไม่ได้สู้กับผู้สมัครด้วยกัน แต่ต้องไปสู้กับกกต.บ้านเมืองที่เสียหายอยู่ทุกวันใครเป็นต้นเหตุ กกต.มีหน้าที่เป็นต้นกรอง นักการเมืองไม่ดี ซื้อเสียงแล้วซื้ออีก เอาตำแหน่งมาล่อ เอาผู้ว่าฯมาคุม ใช้อำนาจอิทธิพลสารพัด แต่กกต.ปล่อย อำนาจอยู่ที่กกต.แล้วใครจะไปทำอะไร กกต.ไปเอาคนของมหาดไทยมา โกงการเลือกตั้ง โทษมหาดไทยไม่ได้แล้ว เพราะกกต.แต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่หมด จึงเป็นคนของกกต.”