เลือกตั้ง 66 "เพื่อไทย" VS "ก้าวไกล" ศึก 2 ขั้ว ประชาธิปไตย (ชมคลิป)
แลนด์สไลด์เป็นเหตุ ดัน"เลือกตั้ง 66 " ร้อนระอุ ก้าวไกลกระแสพุ่ง มุ่งเป้าเกิน 100 ที่นั่ง "เพื่อไทย" แก้เกม ประกาศไม่จับมือ "ป้อม-ตู่" (มีคลิป)
"รายการคมชัดลึก" โดย "วราวิทย์ ฉิมมณี" ได้สัมภาษณ์ "จิรายุ ห่วงทรัพย์" ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 16 พรรคเพื่อไทย และ "รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว" คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
"วราวิทย์" คุณจิรายุผมคุยกับคนเพื่อไทยหลายคน ตอนแรกๆจะไม่บอกว่าจะจับมือกับใครไม่จับมือกับใคร จะบอกแค่ไม่จับมือกับฝ่ายเผด็จการแต่ไม่บอกเป็นชื่อพรรคหรือชื่อคน พอระยะหลัง"คุณเศรษฐา" ออกมาพูดชัด "คุณอุ๊งอิ๊งค์"ออกมาย้ำไม่จับมือ"พล.อ.ประยุทธ์"ไม่จับมือ"พล.อ.ประวิตร" นี่เป็นการแก้เกมที่ก้าวไกลเข้ามาเบียดหรือป่าวครับ
"จิรายุ" เราไม่เรียกว่าแก้เกมนะครับ ถ้าดูการเลือกตั้งในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ไม่มีหรอกสมัครเลือกตั้งแล้วพรุ่งนี้พูดเลยว่าจะรวมกับพรรคนั้นหรือไม่รวมกับพรรคนี้ โดยวัฒนธรรมไม่มีนะครับ เพราะฉะนั้นพรรคการเมืองจับฉลากได้เบอร์ 29 สิ่งแรกที่เราต้องพูดคือนโยบายจะทำอะไร จากนั้นเราก็ไล่เรียงแต่ละข้อ จนกระทั่งมาปังก็คือเงิน 1 หมื่นบาทที่จะมอบให้กับพี่น้องประชาชน 50 ล้านคน อายุ 16 ปีขึ้นไป
"การที่จะบอกว่าเห็นพรรคโน้นพรรคนี้พูดมาก่อน โดยหลักการทำงานพรรคการเมืองคุณเปิดตัวแล้วก็จะบอกว่าคุณจะไม่จับคนนั้นไม่จับคนนี้ จะทำให้ประชาชนที่เขาสนใจพรรคเพื่อไทยที่คุณบอกคิดใหญ่ทำเป็น หรือคุณเคยทำงานแล้วมันดีคุณมีนโยบายอะไร"
ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยครับที่ผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยท่านจะไล่เรียงนโยบายมาก่อน ซึ่งถ้าไม่ได้ไล่เรียงนโยบายอยู่ดีๆจับได้หมายเลข 29 พรุ่งนี้บอกเลยฉันจะร่วมกับใครไม่ร่วมกับใคร ผมว่ามันยังไม่ทันนอนเลยแล้วจะมานั่งฝันว่าคืนนี้จะฝันดียังไง ดังนั้นหลักการชัดเจน ที่ผ่านมาการเลือกตั้งไม่รู้กี่ครั้งในประเทศไทยไม่มีลักษณะเช่นนี้ แต่ที่มาพูดภายหลังหมายถึงว่า อยู่ในระยะเวลาที่เหมาะสมแล้ว
"วราวิทย์" คุณจิรายุจะบอกว่า เป็นยุทธศาสตร์เป็นจังหวะสถานการณ์ที่พรรคเพื่อไทยเลือกจะเดินแบบนี้ ไม่ได้เกี่ยวว่า"พรรคก้าวไกล"ชัดเจนกว่าพอเขากระแสแรงเราเลยต้องเอาบ้างประกาศตามหลังเขา
"จิรายุ" อย่างที่ผมบอกคือว่าประชาชนเดือดร้อนกันมา 5+1 ปี ประชาชนให้ความสำคัญว่า"ลุงตู่"จะกลับมาอีก 2 ปีมั้ย ลุงป้อมจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศนี้หรือไม่อันนี้คนทุกคนรู้ จึงเกิดนโยบายต่างๆ แต่การนำเสนอนโยบายเป็นหลักสำคัญที่"พรรคเพื่อไทย"ทำ ประชาชนเริ่มรับรู้ว่า"ลุงตู่" "ลุงป้อม"ยังไงก็ไม่ไหวขอเซโนแล้วกัน แล้วค่อยมาพูดเรื่องอื่นๆที่ไม่ใช่นโยบาย ผมว่า เป็นเรื่องปกตินะครับ
"วราวิทย์" ผมว่าอาจารย์เห็นต่างเพื่อไทยเขาบอกเป็นยุทธศาสตร์เดินไปตามนี้ ประกาศนโยบายก่อนแล้วค่อยว่ากันในแง่ของจุดยืนการเมืองจะจับกับใครไม่จับกับใคร แต่จริงๆเป็นแรงกดดันจากก้าวไกลหรือป่าวอาจารย์
อ.โอฬาร ถามว่ามีอะไรเป็นแรงกดดันจากก้าวไกลมั้ย ใช่ครับ เป็นแรงกดดันจากก้าวไกลแน่นอน แต่ปัญหานี้มาจากเงื่อนไขอยู่ 2-3 ประการ คือ 1.รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ออกแบบดีไซน์ให้พรรคมีโอกาสที่จะต้องจัดตั้งรัฐบาลเป็นพรรคร่วม พอเป็นพรรคร่วม พรรคแต่ละพรรคจริงมีความจำเป็นจะต้องเล็งเอาไว้ก่อน
2.ผมคิดว่าเพื่อไทยอาจจะต้องพิจารณา คือ เรื่องของความเชื่อมั่นในการสื่อสาร การสื่อสารเพื่อไทยทำมาตลอดตั้งแต่หัวหน้าพรรคสื่อสารบอกชัด "คุณอุ๊งอิ๊งค์"และ"คุณเศรษฐา"บอกชัด แต่ทุกครั้งในการสื่อสาร ทำไมสังคมยังแคลงใจ จนทำให้ก้าวไกลรับกลับว่าเขามีความชัดเจนมากกว่า ซึ่งอันนี้เป็นจุดสำคัญที่"เพื่อไทย"ต้องไปคิดว่าปัญหาการสื่อสารเราอยู่ตรงไหน
3.ทำให้เห็นว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ คนโตขึ้นจริงๆ พลังการกดดันของสังคมที่ผ่านโลกโซเชี่ยลมีผลต่อพรรคทั้งสองพรรค เนื่องจากแฟนคลับของทั้งสองพรรคทับซ้อนกันอยู่ พอทับซ้อนกันอยู่ท่าทีของพรรคที่แตกต่างกัน ณ เวลานี้ ผมเข้าใจ"พรรคเพื่อไทย"ว่า ธรรมชาติการเมืองเขายังไม่ประกาศเวลานี้หรอก แต่แรงกดดันที่มาตอนนี้มีผลต่อสถานการณ์ความเชื่อมั่นแล้วก็ส่งผลต่อองศาทางการเมืองของทั้งสองพรรค
"วราวิทย์" ใช้ประสบการณ์ในอดีตมาใช้กับปัจจุบันไม่ได้แล้วหรือไม่ เพราะว่าคนอยากจะรู้ก่อนแม้ว่าธรรมชาติของพรรคการเมืองที่เขาจะไม่เผยไพ่ใบสุดท้ายเอาไว้ แต่ตอนนี้คนอยากรู้ก่อนว่าจะเอายังไงกันแน่
"อ.โอฬาร" ประเด็นนี้ถ้าเรามองในแง่การพัฒนาทางการเมืองคนมันโต คนต้องการความตรงไปตรงมา คนต้องการสัญาที่พรรคการเมืองส่งถึงประชาชน แต่ผมเข้าใจธรรมชาติอยู่ระยะเปลี่ยนผ่าน ระหว่างการเมืองที่จะเป็นจะต้องประนีประนอมดูสภาพความเป็นจริง ตอนนี้คนส่วนใหญ่มองเฉพาะผลของการเลือกตั้ง แต่การเมืองมีการต่อสู้แย่งชิงอำนาจ ไม่ได้มีแค่นี้ อยู่ที่การใช้อำนาจด้วย ซึ่งในส่วนนี้ ผมคิดว่าคนที่เป็นแกนนำต้องประเมินอย่างหนัก
ชมคลิป>>>
ศึกสองขั้วประชาธิปไตย